วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

HEAL THE GREAT WOUND : TAKE TIME


คณะกรรมาธิการ การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎรเร่งเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภายหลังการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ยุติลง


นายทศพร เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิ การ การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองว่า คงต้องแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น โดยประเด็นแรกก่อนที่ทางรัฐบาลจะมีการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมีการประเมินสถานการณ์ไว้แล้วว่าเมื่อเหตุการณ์ยุติลงแล้วจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง และขณะนั้นมีข้อมูลว่าบริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่ของยุโรปมีแผนการที่จะย้ายจุดปลายปลายทางของนักท่อง เที่ยวจากเมืองไทยไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น โดยเฉพาะการตัดกรุงเทพมหานครทั้งเมืองออกจากแผนที่การท่องเที่ยว และลดจำนวนหน้าในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ประเทศไทยลงโดยหันไปลงโฆษณาประเทศอื่นแทนเพื่อเป็นการชดเชย


ในเรื่องนี้ทางคณะกรรมาธิการ การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ได้ขอให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไปหาข้อมูลดังกล่าวมาให้ชัดเจน และศึกษาข้อมูลของสายการบินต่างๆ ที่หลีกเลี่ยงจะไม่บินลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยจะบินตรงไปยังท่าอากาศยานอื่นๆในภูมิภาคแทน เช่นจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และจังหวัดอุดรธานี เป็นต้น เพื่อจะได้นำข้อมูลไปหารือกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าจะเข้ามาช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง และได้คำตอบว่าให้ทางคณะกรรมา ธิการ การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ไปหาข้อมูลที่ชัดเจนและจัดทำเป็นแพ็กเกจนำเสนอเข้ามาว่าต้องการอะไรอย่างไรทั้งมาตรการทางด้านการเงิน ด้านภาษี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่คงต้องขอใช้งบประมาณพิเศษและจะเชิญหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโรงแรม บริษัทนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และอื่นๆ มาร่วมหารือในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ทั้งนี้คงต้องมาพิจารณาจากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประกอบด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการไปในทิศทางใด


อย่างไรก็ตามรองประธานคณะกรรมาธิ การ การท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าเนื่องจากขณะนี้เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพมหานครได้ยุติลงแล้ว จากการที่ได้หารือกับทางผู้ประกอบการบางส่วนว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก มั่นใจว่าในช่วงปลายปีนี้จะยังคงมีไฮซีซั่นอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จะต้องดำเนินการในช่วงระยะเวลา 3-4 เดือนนับจากนี้ ที่อยู่ในช่วงของโลว์ซีซัน ทำอย่างไรที่จะให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา มองว่าควรจะต้องจัดทำเป็นแผนระยะสั้น โดยเฉพาะในตลาดใกล้บ้าน ที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่นาน ที่มองไว้ เช่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ เป็นต้นและหากทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กลับเข้ามาได้จะสามารถชดเชยเม็ดเงินที่หายไปได้บางส่วน


นอกจากนี้ ยังหยิบยกกรณีตัวอย่างมาเปรียบเทียบด้วยคือ เหตุการณ์ระเบิดโรงแรมที่เกาะบาหลีประเทศอินโดนีเซียต้องใช้เวลาร่วม 3 ปี จึงสามารถดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าไปได้ แม้ว่าเหตุการณ์จะจบในเวลาอันรวดเร็ว แต่เหตุที่ใช้เวลานานเนื่องจากบริษัทนำเที่ยวถอดบาหลีออกจากโปรแกรมนำเที่ยว ที่มีลักษณะคล้ายกับเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการเสนอจะให้ถอดกรุงเทพมหานครออกจากโปรแกรมนำเที่ยว ฉะนั้นยังคงเหลือแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาค เช่น ภูมิภาคอันดามันและเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นต้น ดังนั้นทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ของประเทศไทยแทนเท่าที่ประเมินในระยะยาวไม่ค่อยน่าห่วงนัก แต่ที่ยังเป็นกังวล คือในระยะสั้น ดังนั้นจึงต้องมองไปยังประเทศที่รัฐบาลสามารถที่จะพูดคุยได้ โดยเฉพาะประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หากสามารถทำให้เขาเชื่อมั่นได้และมีนักท่องเที่ยวขากจีนเดินทางเข้ามาประเทศอื่นๆก็จะตามเข้ามาเป็นลำดับ และในการดำเนินจะต้องเป็นลักษณะของรัฐต่อรัฐ โดยอาจจะต้องมีการสนับสนุนเม็ดเงินในการทำตลาดให้กับสำนักงานการท่องเที่ยวในแต่ละเมืองด้วยการเชิญบริษัทนำเที่ยวหรือสื่อมวลชนเข้ามาเยือนไทยและคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่มากและสามารถดำเนินการได้ทันที

#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น