บริษัทภูเก็ตไม้ขาวสาคูจำกัดเพิ่มรถยนต์เก๋ง30คัน ส่วนสหกรณ์บริการรถยนต์บริการธุรกิจภูเก็ตจำกัดเพิ่มรถยนต์ตู้30คันและจะไม่เก็บค่าสัมปทานเพิ่มจนกว่าจะหมดสัมปทานพร้อมกันในปี 2555
นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาการให้บริการของรถยนต์สาธารณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตนั้นมีมานานแล้วเพราะไม่ได้มีเฉพาะของ2บริษัทเท่านั้นแต่ยังมีรถของผู้ประกอบ การโรงแรม บริษัทนำเที่ยวและรถแท็กซี่ป้ายดำ ดังนั้นจึงควรจะวางระบบให้ชัดเจน เช่น อาจจะจำเป็นต้อง นำเอารถที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ เข้าสู่ระบบ ให้เป็นรถแท็กซี่มิเตอร์ และอาจจะใช้รูปแบบเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถที่จะทำมาหากินได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งยังสามารถที่จะควบคุมและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการให้บริการได้อีกด้วย
ส่วนนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทเสนอทางออกในปัญหาที่เกิดขึ้น โดยยินยอมให้ทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มรถฝ่ายละ 30 คันคือบริษัทภูเก็ต ไม้ขาว สาคู จำกัด เพิ่มรถยนต์เก๋ง 30 คัน ในขณะที่สหกรณ์บริการรถยนต์บริการธุรกิจภูเก็ต จำกัด เพิ่มรถยนต์ตู้ 30 คัน และจะไม่เก็บค่าสัมปทานในส่วนที่เพิ่มขึ้นใหม่จนกว่าจะหมดสัมปทาน โดยบริษัทแรกจะหมดสัมปทานในเดือนมกราคม 2554 และจะมีการขยายให้เท่ากับสหกรณ์ฯ ที่จะหมดสัมปทานในเดือนกันยายน 2555 หลังจากนั้นจะมาประชุมเพื่อกำหนดกรอบกติกาในการบริหารกันใหม่ แต่คงจะไม่ใช้รูปแบบเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากท่าอากาศยานทุกแห่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่อาจจะนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องมาพิจารณากันอีกครั้งในช่วง 6 เดือนก่อนที่จะหมดอายุสัมปทาน
ทางด้านนายแสน เจริญจิตร์ ประธานกรรมการบริษัท ภูเก็ต ไม้ขาวสาคู จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถให้บริการอยู่ 80 คัน เป็นรถยนต์เก๋ง 20 คัน และรถยนต์ตู้ 60 คัน โดยจ่ายค่าสัมปทานให้กับทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)เดือนละ 1,004,000 บาท สำหรับเหตุผลที่ขอเพิ่มรถยนต์เก๋งอีก 30 คัน นั้น เพื่อให้เพียงพอรองรับผู้ใช้บริการ และนำรายได้ส่วนหนึ่งมาช่วยรถยนต์ตู้โดยเฉพาะในช่วงหน้าโลว์ซีซั่น ที่มีผู้ผู้ใช้บริการน้อยมาก กับข้อเสนอที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ให้นั้น แม้ว่าจะยังไม่เป็นธรรมมากนัก แต่สามารถรับได้ ในระดับหนึ่งและคงต้องมาว่ากันใหม่อีกครั้งในการเปิดสัมปทานใหม่
ในขณะที่นายชูเกียรติ ปัญญาไวย์ รองประธาน สหกรณ์บริการรถยนต์บริการธุรกิจภูเก็ต จำกัด หรือ รถลีมูซีนท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต กล่าวว่า ยอมรับได้ในระดับหนึ่งกับเงื่อนไขที่มีการเสนอมา เพราะปัจจุบันสหกรณ์ฯ มีรถยนต์เก๋งให้บริการอยู่ 150 คันและจ่ายค่าสัมปทานให้ เดือนละประมาณ 1.1 ล้านบาท และการได้เพิ่มรถยนต์ตู้เข้ามาอีก 30 คัน โดยไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานเพิ่ม จะทำให้สามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่ายของสมาชิกที่ต้องนำมาจ่ายค่าสัมปทานให้ ลดน้อยลงหลังจากนี้จะนำไปแจ้งให้กับสมาชิกทราบเพื่อนำรถมาให้บริการต่อไป
#
นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาการให้บริการของรถยนต์สาธารณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตนั้นมีมานานแล้วเพราะไม่ได้มีเฉพาะของ2บริษัทเท่านั้นแต่ยังมีรถของผู้ประกอบ การโรงแรม บริษัทนำเที่ยวและรถแท็กซี่ป้ายดำ ดังนั้นจึงควรจะวางระบบให้ชัดเจน เช่น อาจจะจำเป็นต้อง นำเอารถที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ เข้าสู่ระบบ ให้เป็นรถแท็กซี่มิเตอร์ และอาจจะใช้รูปแบบเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถที่จะทำมาหากินได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งยังสามารถที่จะควบคุมและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการให้บริการได้อีกด้วย
ส่วนนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทเสนอทางออกในปัญหาที่เกิดขึ้น โดยยินยอมให้ทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มรถฝ่ายละ 30 คันคือบริษัทภูเก็ต ไม้ขาว สาคู จำกัด เพิ่มรถยนต์เก๋ง 30 คัน ในขณะที่สหกรณ์บริการรถยนต์บริการธุรกิจภูเก็ต จำกัด เพิ่มรถยนต์ตู้ 30 คัน และจะไม่เก็บค่าสัมปทานในส่วนที่เพิ่มขึ้นใหม่จนกว่าจะหมดสัมปทาน โดยบริษัทแรกจะหมดสัมปทานในเดือนมกราคม 2554 และจะมีการขยายให้เท่ากับสหกรณ์ฯ ที่จะหมดสัมปทานในเดือนกันยายน 2555 หลังจากนั้นจะมาประชุมเพื่อกำหนดกรอบกติกาในการบริหารกันใหม่ แต่คงจะไม่ใช้รูปแบบเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากท่าอากาศยานทุกแห่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่อาจจะนำมาปรับใช้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องมาพิจารณากันอีกครั้งในช่วง 6 เดือนก่อนที่จะหมดอายุสัมปทาน
ทางด้านนายแสน เจริญจิตร์ ประธานกรรมการบริษัท ภูเก็ต ไม้ขาวสาคู จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถให้บริการอยู่ 80 คัน เป็นรถยนต์เก๋ง 20 คัน และรถยนต์ตู้ 60 คัน โดยจ่ายค่าสัมปทานให้กับทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)เดือนละ 1,004,000 บาท สำหรับเหตุผลที่ขอเพิ่มรถยนต์เก๋งอีก 30 คัน นั้น เพื่อให้เพียงพอรองรับผู้ใช้บริการ และนำรายได้ส่วนหนึ่งมาช่วยรถยนต์ตู้โดยเฉพาะในช่วงหน้าโลว์ซีซั่น ที่มีผู้ผู้ใช้บริการน้อยมาก กับข้อเสนอที่ทางคณะกรรมาธิการฯ ให้นั้น แม้ว่าจะยังไม่เป็นธรรมมากนัก แต่สามารถรับได้ ในระดับหนึ่งและคงต้องมาว่ากันใหม่อีกครั้งในการเปิดสัมปทานใหม่
ในขณะที่นายชูเกียรติ ปัญญาไวย์ รองประธาน สหกรณ์บริการรถยนต์บริการธุรกิจภูเก็ต จำกัด หรือ รถลีมูซีนท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต กล่าวว่า ยอมรับได้ในระดับหนึ่งกับเงื่อนไขที่มีการเสนอมา เพราะปัจจุบันสหกรณ์ฯ มีรถยนต์เก๋งให้บริการอยู่ 150 คันและจ่ายค่าสัมปทานให้ เดือนละประมาณ 1.1 ล้านบาท และการได้เพิ่มรถยนต์ตู้เข้ามาอีก 30 คัน โดยไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานเพิ่ม จะทำให้สามารถเฉลี่ยค่าใช้จ่ายของสมาชิกที่ต้องนำมาจ่ายค่าสัมปทานให้ ลดน้อยลงหลังจากนี้จะนำไปแจ้งให้กับสมาชิกทราบเพื่อนำรถมาให้บริการต่อไป
#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น