
สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตจัดโครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100% และเริ่มประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน และพร้อมกวดขันจับกุมจริงจังวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
พล.ต.ต. พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า ปัจจุบันสภาพการจราจรในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเพิ่มความหนาแน่นตามลำดับ รวมไปถึงยานพาหนะที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นผู้ใช้รถใช้ถนนยังมีพฤติกรรมในการขับขี่ที่ขาดวินัยการจราจร ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจราจรและเกิดการสูญเสียตามมา และทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ในฐานะผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการจราจรในเขตเทศบาลนครภูเก็ต มีความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมในการลดอัตราการสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ โดยทำริเริ่ม “โครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100%” ขึ้นเป็นพื้นที่นำร่องในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า โครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100%” ที่จัดขึ้น มีเป้าหมายเพื่อปลูกฝังให้ประชาชนทั่วไป ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยบนท้องถนน ลดอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปลูกฝังวินัยจราจรให้กับผู้โดยสาร โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองใช้รถจักรยานยนต์ไปส่งยังโรงเรียน หรือไปยังสถานที่อื่นๆให้รู้วิธีการสวมหมวกนิรภัยที่ถูกวิธี รวมทั้งกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของความปลอดภัยแก่ผู้ที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ อีกส่วนหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ทางสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตกำหนดระยะเวลาในการดำเนินตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-วันที่30 กันยายนนี้ และเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนเป็นช่วงของการตักเตือนและประชาสัมพันธ์ หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป จะดำเนินการกวดขันจับกุมและปรับอย่างจริงจังกับผู้ที่ฝ่าฝืนวินัยจราจร และสำหรับในการจับปรับในส่วนของผู้ขับขี่กรณีที่มีผู้นั่งซ้อนท้ายไม่สวมหมวกนิรภัยจะถูกปรับเป็นสองเท่าของผู้ที่นั่งซ้อนท้าย คือ 1,000 บาท ส่วนผู้นั่งซ้อนท้ายจะถูกปรับ 500 บาท ฉะนั้นถ้าผู้ขับขี่รายได้ไม่อยากเสียค่าปรับดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างก็ให้เตรียมหมวกนิรภัยไว้ให้กับผู้โดยสารด้วย
นอกจากนี้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า จากสถิติ มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกเรียกตรวจเนื่องจากไม่สวมหมวกนิรภัยไม่ต่ำกว่า 3,000 รายต่อเดือน และในแต่ละปี มีอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดขึ้นประมาณ 80% ผู้เกี่ยวข้องมาจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และหากโครงการฯนี้ ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ เชื่อว่าจะลดการบาดเจ็บและการสูญเสีย ได้มากพอสมควร
#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น