วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จับกุมผู้ต้องหาชาวแคเมอรูนแก๊ง Black Money 2 คนหลอกเจ้าของร้านเทเลอร์ชาวเนปาล ป่าตอง




















ชุดจับกุม สถานีตำรวจภุธรเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวแคเมอรูนแก๊ง Black Money 2 คนหลอกเจ้าของร้านเทเลอร์ชาวเนปาล ที่หาดป่าตอง

เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.วันที่ 16 มิถุนายนนี้ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยกับ พ.ต.อ.พีระยุทธ์ การเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและชุดจับกุม สถานีตำรวจภุธรเชิงทะเล อำเภอถลาง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายอังเดร เซยานู ( Andre Sieyannou) อายุ 49 ปี สัญชาติแคเมอรูน นายเคนมู (Kenmoue )อายุ 43 ปี สัญชาติแคเมอรูน ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมของกลางเป็นกระดาษเปื้อนฝุ่นสีแดง ตัดเป็นแผ่นขนาดเท่าธนบัตรบรรจุอยู่ในกระเป๋าสีเงิน ขวดแก้วบรรจุน้ำยาปิดฝาไว้ด้านบนห่อหุ้มด้วยปูนพลาสเตอร์สีขาว 1 ขวด แผ่นโฆษณาและใบสั่งซื้อน้ำยา จำนวน 2 แผ่น หลักฐานใบโอนเงินที่ผู้ต้องหาโอนเงินไปให้จำนวน 54,000 บาท ของธนาคารกรุงไทยจำกัด ลงวันที่ 5 พฤษภาคม2553 จำนวน 1 ฉบับ สั่งจ่ายผู้หญิง ที่ชื่อศรัญญา เงินสกุลยูโรฉบับละ100ยูโร 1 ฉบับ เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ฉบับละ100,20 และ5 ดอลลาร์ จำนวนหนึ่ง


สำหรับการจับกุมคนร้ายแก๊งBlack Money รายนี้ พนักงานสอบสวนในคดี ระบุว่าสืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สถานีตำรวจภุธรเชิงทะเล อำเภอถลาง รับแจ้งเหตุจากนายพิเล็ก บูดดี้ ผู้เสียหายชาวเนปาลที่พำนักอยู่ที่ จ.ภูเก็ต โดยเปิดร้านตัดและขายเสื้อผ้าหรือ เทเลอร์อยู่ที่หาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ได้รับการติดต่อจากแก๊งคนร้ายที่เรียกกันว่าแก๊งแบล็คมันนี่เป็นชายผิวดำจำนวน3คนอ้างว่าสามารถทำให้กระดาษที่เคลือบสารเคมีไว้กลายเป็นเงินที่สามารถใช้ได้จริง ตั้งแต่ วันที่ 3 มีนาคม 2553 และคนร้ายดังกล่าวได้สาธิตโดยการนำกระดาษเปื้อนฝุ่นสีแดงที่อยู่ภายในกระเป๋ามาทาด้วยน้ำยาแล้วกลายเป็นธนบัตรสกุลดอลลาร์ฉบับละ100 ดอลล่าร์ จำนวน 5 ใบ และมอบให้ผู้เสียหายจำนวน 2 ใบ


อย่างไรก็ดีเมื่อ นายพิเล็ก บูดดี้ ผู้เสียหายนำไปใช้โดยนำไปแลกเปลี่ยนที่บูธแลกเปลี่ยนเงินตราปรากฏว่าสามารถใช้จ่ายได้จริง ทั้งนี้ เพราะกลุ่มคนร้ายรายนี้ มอบเงินเป็นดอลลาร์ที่จริงอยู่แล้ว เพื่อให้เอาไปใช้และนายพิเล็ก บูดดี้ เกิดตายใจ จึงทำให้เกิดความโลภ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อได้ตกลงจะซื้อน้ำยาเคมีดังกล่าว เป็นเงิน 1 ล้านบาท โดยทางแก๊งคนร้ายระบุว่าในกระเป๋าที่บรรจุกระดาษเปื้อนฝุ่นสีแดงสามารถทำให้เป็นเงินสกุลดอลลาร์ได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาแล้วจะแบ่งให้ผู้เสียหายเป็นเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาหรือประมาณ 15-16 ล้านบาท

ต่อมานายพิเล็ก บูดดี้ ผู้เสียหายผู้เสียหายได้จ่ายเงินสดพร้อมกับโอนเงินผ่านทางธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน)รวมเป็นเงินที่จ่ายไปให้แก๊งดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 900,000 บาท หลังจากที่แก๊งคนร้ายจากไปได้มอบกระเป๋าที่บรรจุกระดาษเปื้อนฝุ่นสีแดงและอ้างว่าเมื่อนำสารเคมีมาทางถูจะกลายเป็นธนบัตรสกุลดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อทยอยโอนเงินไปให้ปรากฏว่าคนร้ายได้เงียบหายไปโดยอ้างว่าอยู่ระหว่างหาซื้อน้ำยาเคมีอยู่ เพราะน้ำยาเดิมนั้น เริ่มเสื่อมคุณภาพแล้ว


ล่าสุดเมื่อวันที่15 มิถุนายนนี้ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากแก๊งคนร้ายว่าได้นำน้ำยาเคมีมารอพบอยูที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ทาง พ.ต.ต.ผดุงพงศ์ ดุกสุขแก้ว สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนพร้อมกำลังตำรวจประกอบด้วย ดต.สุวรินทร์ หมวดเมือง ดต.ยะภุป หมานหยะ ดต.อนุชา สุวรรณปำ จสต.ชนาสิน ประทีป ณ ถลาง จสต.ธีรวงศ์ วัตรสังข์ วางแผนบุกเข้าไปในห้องที่ผู้เสียหายนัดพบกับแก๊งคนร้ายเมื่อจู่โจมเข้าไปภายในห้องพบนายอังเดร เซยานู และนายเคนมู ชาวแคเมอรูนทั้งสองคนอยู่กับผู้เสียหาย พร้อมของกลางทั้งหมด โดยเฉพาะกระเป๋าสีเงินและอุปกรณ์ส่วนควบ เพราะผู้ต้องหา กำลัง ทดลองทำตามกรรมวิธี ทำเงินดอลลาร์ เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวและสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล แต่ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การปฏิเสธแต่จากพยานหลักฐานต่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าชาวแคเมอรูนทั้งสองคนนี้เป็นคนร้ายแก๊งเดียวกันที่มาหลอกผู้เสียหายจนหลงเชื่อสูญเงินไป900,000บาท

พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า กรณีแก๊งBlack Money นี้ ตำรวจภูธรภูเก็ต เคยจับกุมมาได้ เมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว และ ในขณะนี้ เริ่มเข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอีกครั้งหนึ่งและโดยเฉพาะแก๊งรายนี้ นอกจากมีผู้ต้องหาที่จับกุมได้ 2 คน และจากข้อมูลการสืบสวน พบว่า มีคนพัวพันรวมทั้งหมด 6 คน และนายเคนมู (Kenmoue ) อาศัยอยู่กินกับผู้หญิงไทย ย่านซอยนานา กรุงเทพมหานคร และมีลูกด้วยกัน 4 คน และสามารถพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว ในขณะนี้ ได้ประสานงาน ตำรวจในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อติดตามขยายผลของคดีที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว และเชื่อว่า จะสามารถจับกุม คนร้ายที่ร่วมขบวนการได้ เพราะ มีเส้นทางการโอนเงินของผู้เสียหาย ผ่านธนาคารพาณิชย์ อย่างชัดเจน


#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น