
เมื่อเวลาประมาณ 20.00น.วันที่ 4 กันยายนนี้นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา คราบน้ำมันจากเรือโชคถาวร 6 อับปางที่ห้องประชุม ทัพเรือภาคที่ 3 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตว่า จากข้อมูลล่าสุดที่หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่3นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ออกไปตรวจสอบที่บริเวณจุดเรืออับปางและบริเวณใกล้เคียง จุดเกิดเหตุเรืออับปางและจมลง อยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ ประมาณ 3 ไมล์ทะเลและห่างจากเกาะไม้ท่อนประมาณ 6 ไมล์ทะเล และเรือโชคถาวร 6 จมลงไปอยู่ในระดับน้ำทะเล ที่มีความลึก ประมาณ 43 เมตรและเมื่อเวลาประมาณ 16.00น. วันที่ 4 กันยายนนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจการณ์ของหมวดบินเฉพาะกิจ พบว่า เริ่มมีคราบน้ำมัน จากเรือที่จม มีขนาดความยาวประมาณ 3 ไมล์ และกว้างประมาณ 0.5 ไมล์ ปรากฏอยู่บริเวณน่านน้ำด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวว่า แนวหรือทิศทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน มีแนวโน้มว่า จะพัดไปทางอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ หากวัดระยะ จากจุดหรือบริเวณที่เรือโชคถาวร 6 จม ไปยังเกาะพีพี คิดเป็นระยะทางประมาณ 22 ไมล์ทะเลเท่านั้น หากคำนวณกระแสน้ำและคลื่นลมตามปกติแล้ว คราบน้ำมัน จะเคลื่อนไปได้ชั่วโมงละ 1 ไมล์ ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาประมาณ 20 กว่าชั่วโมง อาจจะถึงเกาะพีพี อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและคลื่นลม ที่เกิดขึ้น ในช่วงนี้ด้วย อย่างไรก็ดี พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในจังหวัดภูเก็ตคือ การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันที่หันไปทางทิศตะวันออก และก่อนที่จะถึงเกาะพีพี จะผ่านเกาะไม้ท่อนก่อน และเกาะนี้ มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ประมาณ 400 ไร่
การประชุมหารือกันในค่ำวันนี้ที่ประชุมรับทราบว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการ ตามกรรมวิธีต่างๆ คือ จำเป็นต้องจัดให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ในการดำน้ำลงไปปิดวาวล์เครื่องเรือ และถังบรรจุน้ำมันดัดแปลงของเรือโชคถาวร 6 ที่ทราบว่า มีปริมาณ มากถึง 40,000ลิตร นอกจากนี้จะต้องกำจัดการปนเปื้อนคราบน้ำมันที่ลอยในทะเล จะต้องใช้เครื่องมือบูมล้อมสกัดเอาไว้และใช้น้ำยาฉีดผ่านเครื่องSpray แม้ว่าในปัจจุบันน้ำยานี้มีเก็บไว้ที่ที่คลังน้ำมันของบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน อ่าวมะขาม จังหวัดภูเก็ต แต่เครื่องมือทำSpray กลับไม่มี ทราบว่าเครื่องมือเป็นของผู้ประกอกการภาคเอกชนรายหนึ่ง และในข้อกฎหมาย การเดินเรือและมีส่วนสร้างความเสียหายเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม จะต้องมีผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
สำหรับในเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ตรับว่า จะไปประสานงานกับเจ้าของกิจการเรือโชคถาวร 6 เพื่อให้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และในเช้าวันที่ 5 กันยายนนี้ เวลาประมาณ 06.00น.หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่3นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ออกไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูล เส้นทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน และนำมาเสนอต่อที่ประชุม ในเวลา08.00น. เพื่อให้คณะกรรมการ ในที่ประชุมพิจารณาดำเนินการตัดสินใจเลือกใช้มาตรการกำจัดคราบน้ำมันที่เหมาะสมต่อไป
#
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น