วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบสายไฟฟ้า-สายเคเบิ้ลสื่อสารนำร่องบริเวณถนนแม่หลวน


เมื่อเวลาประมาณ 09.00น.วันที่11 กันยายนนี้ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานเปิดโครงการจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลสื่อสารที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,บริษัททีโอทีจำกัด(มหาชน),บริษัท กสท.โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน), บริษัททีทีแอนด์ทีจำกัด(มหาชน),บริษัทเคเบิ้ลทีวีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและผู้ให้บริการระบบสื่อสารอื่นๆ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลบริเวณถนนแม่หลวน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นโครงการนำร่อง เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าในปัจจุบันมีสภาพไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามหรือรกรุงรัง ระเกะระกะประกอบกับถนนแม่หลวนเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรไปสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหลายๆแห่งเช่นหาดป่าตอง หาดกะตะและหาดกะรน ในโอกาสเดียวกันนี้มีตัวแทนภาคเอกชน มอบโคมไฟถนนให้เทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 10 ชุดด้วย


ทั้งนี้การดำเนินการในวันนี้เริ่มต้นโครงการจากบริเวณสี่แยกที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต ต่อเนื่องไปจนถึงสามแยกถนนแม่หลวนตัดกับถนนวิชิตสงคราม โดยพนักงานจัดเก็บรวบรวมสายไฟ และสายเคเบิ้ลต่างๆ ให้เป็นกลุ่มเดียวกัน รวมทั้งรื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ยกเลิกการใช้ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนงานไฟฟ้าจัดระเบียบสายระบบจำหน่ายแรงต่ำตลอดแนวเป็นระยะประมาณ 1.4 กิโลเมตร ปรับปรุงแป้นมิเตอร์ไฟฟ้าและสายเข้า-ออกมิเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 67 เครื่อง รื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ยกเลิกการใช้งานจำนวน 3 ต้น รวมทั้งปรับปรุงสายระบบจำหน่ายแรงต่ำแนวข้ามถนนจำนวน 3 จุด ในขณะที่ส่วนงานระบบสื่อสารอื่น ปรับปรุงรื้อถอนสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลสื่อสารที่ไม่ใช้งานตลอดแนวระยะ1.4 กิโลเมตร ปรับปรุงจัดระเบียบสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลตลอดแนวถนน และปรับปรุงไม้คอนรับสายเคเบิ้ลสื่อสารต่างๆจำนวน 20 จุดและเมื่อแล้วเสร็จ จะดำเนินการในถนนสายหลักอื่น ต่อไปคือ ถนนเทพกระษัตรี ,ภูเก็ต,เยาวราชและถนนวิชิตสงครามในอนาคต



นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยือนในแต่ละปี เป็นจำนวนมากและสามารถสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี หากมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและปรับปรุงภูมิทัศน์ของตัวเมืองภูเก็ตให้มีความสวยงาม จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภายในเขตเทศบาลนครภูเก็ตมีการกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ตเอาไว้ที่ประกอบไปด้วย ถนนถลาง ,กระบี่,ดีบุก,พังงา,เยาวราชและถนนรัษฎา มีอาคารเก่าแก่รูปแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส อายุประมาณ 80-100 ปี ที่สมควรจะอนุรักษ์ไว้และพัฒนาปรับปรุงพื้นที่โดยรอบและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงให้มีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น



นอกจากนี้นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมา ทางเทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและผู้ให้บริการระบบสื่อสาร นำสายไฟฟ้า โทรศัพท์และสายเคเบิ้ลลงดินในระยะที่ 1 ไปแล้ว ในบริเวณถนนถลาง และซอยรมณีย์ ส่วนในระยะที่ 2 กำลังจะดำเนินการ บริเวณถนนกระบี่,ดีบุก,ภูเก็ตและถนนเทพกระษัตรีบางส่วนประมาณเดือนธันวาคมนี้และมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือไปแล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกรกฎาคม 2554 ส่วนระยะที่ 3 นั้นจะดำเนินการเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เขตอนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ตและพื้นที่โดยรอบ ส่วนพื้นที่รอบเขตเทศบาลนครภูเก็ต หากจะดำเนินการระบบเคเบิ้ลใต้ดิน จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกินศักยภาพที่จะดำเนินการได้ในขณะนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน และทุกหน่วยงานเห็นร่วมกันว่าควรที่จะมีการจัดระเบียบสายไฟฟ้าสายเคเบิ้ลให้เป็นระเบียบ สวยงามก่อน หากมีความพร้อมในด้านงบประมาณ จะดำเนินการตามโครงการนำสายไฟฟ้า โทรศัพท์และสายเคเบิ้ลลงดินต่อไป


#

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

Central Festival Phuket 6th Anniversary Celebrate



ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ตครบรอบ 6 ปียังคงสานต่อโครงการ เซฟภูเก็ต เซฟอาว แพลนเน็ต ต่อเนื่องเป็นปี ที่ 4 ภายใต้แนวคิด ทรอปิคอล ฟอเรสต์ ร่วมรักษ์ป่าเมืองร้อน แห่งอันดามัน



เมื่อค่ำวันที่ 4 กันยายนนี้ที่บริเวณชั้น 1 แกรนด์ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายณรงค์ หงษ์หยก และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 6 ปี ที่มีการจัดแคมเปญใหญ่ คือ เซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต เดอะซิกส์ แอนนิเวอซารี่ เซเรเบรท พร้อมสานต่อโครงการ เซฟภูเก็ต เซฟอาว แพนเน็ต ต่อเนื่องเป็นปี ที่ 4 ภายใต้แนวคิด ทรอปิคอล ฟอเรสต์ เซฟเดอะฟอเรสต์ :ร่วมรักษ์ป่าเมืองร้อน แห่งอันดามัน นอกจากนี้ร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการเชิญชวนลูกค้าใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกและร่วมกันปลูกป่าโกงกาง สร้างพื้นที่สีเขียว คืนความร่มรื่นให้กับเกาะภูเก็ต


สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ มีการแสดงแฟชั่นโชว์”ทรอปิคอล ฟอเรสต์ แฟชั่นโชว์” จากผลงานการออกแบบของ ทวิพันธ์ ขำพงษ์ ดีไซเนอร์มือหนึ่งของเมืองไทย ที่เคยร่วมงานออกแบบเสื้อผ้าให้กับห้องเสื้อชื่อดังในเมืองไทย และต่างประเทศ และการออกแบบชุดแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ เป็นการรังสรรค์แนวความคิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ หรือเฉพาะงานเฉลิมฉลองครบรอบ 6 ปีของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต เท่านั้น เป็นการสะท้อนถ่ายทอดสีสัน ความสวยงามของธรรมชาติ ที่เข้ากับมนุษย์ได้อย่างลงตัว ด้วยใบไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ ที่สื่อถึงความเป็นภูเก็ตได้อย่างชัดเจน



ทั้งนี้มีดารานางแบบและนายแบบชื่อดังคือเข็ม รุจิรา ช่วยเกื้อและอ้วน รังสิต ศิรนานนท์ ร่วมเดินแฟชั่นโชว์ ในชุดไฮไลท์ของงาน ในขณะที่เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงจาก เซ็นทรัล บัณฑิตน้อย ยังมาร่วมแต่งเติมความน่ารัก ด้วยชุดที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุธรรมชาติต่างๆที่ต้องการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ รับรู้ถึงความสำคัญและร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยกันรักษาทรัพยากร ธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม


#

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดหามาตรการขจัดคราบน้ำมันจากเรือโชคถาวร 6 อับปาง ขนาดกว้าง 0.5 ไมล์และยาว 3 ไมล์ ที่เคลื่อนไปทางเกาะไม้ท่อนและเกาะพีพี



เมื่อเวลาประมาณ 20.00น.วันที่ 4 กันยายนนี้นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา คราบน้ำมันจากเรือโชคถาวร 6 อับปางที่ห้องประชุม ทัพเรือภาคที่ 3 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตว่า จากข้อมูลล่าสุดที่หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่3นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ออกไปตรวจสอบที่บริเวณจุดเรืออับปางและบริเวณใกล้เคียง จุดเกิดเหตุเรืออับปางและจมลง อยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ ประมาณ 3 ไมล์ทะเลและห่างจากเกาะไม้ท่อนประมาณ 6 ไมล์ทะเล และเรือโชคถาวร 6 จมลงไปอยู่ในระดับน้ำทะเล ที่มีความลึก ประมาณ 43 เมตรและเมื่อเวลาประมาณ 16.00น. วันที่ 4 กันยายนนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจการณ์ของหมวดบินเฉพาะกิจ พบว่า เริ่มมีคราบน้ำมัน จากเรือที่จม มีขนาดความยาวประมาณ 3 ไมล์ และกว้างประมาณ 0.5 ไมล์ ปรากฏอยู่บริเวณน่านน้ำด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวว่า แนวหรือทิศทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน มีแนวโน้มว่า จะพัดไปทางอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ หากวัดระยะ จากจุดหรือบริเวณที่เรือโชคถาวร 6 จม ไปยังเกาะพีพี คิดเป็นระยะทางประมาณ 22 ไมล์ทะเลเท่านั้น หากคำนวณกระแสน้ำและคลื่นลมตามปกติแล้ว คราบน้ำมัน จะเคลื่อนไปได้ชั่วโมงละ 1 ไมล์ ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาประมาณ 20 กว่าชั่วโมง อาจจะถึงเกาะพีพี อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและคลื่นลม ที่เกิดขึ้น ในช่วงนี้ด้วย อย่างไรก็ดี พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในจังหวัดภูเก็ตคือ การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันที่หันไปทางทิศตะวันออก และก่อนที่จะถึงเกาะพีพี จะผ่านเกาะไม้ท่อนก่อน และเกาะนี้ มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ประมาณ 400 ไร่

การประชุมหารือกันในค่ำวันนี้ที่ประชุมรับทราบว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการ ตามกรรมวิธีต่างๆ คือ จำเป็นต้องจัดให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ในการดำน้ำลงไปปิดวาวล์เครื่องเรือ และถังบรรจุน้ำมันดัดแปลงของเรือโชคถาวร 6 ที่ทราบว่า มีปริมาณ มากถึง 40,000ลิตร นอกจากนี้จะต้องกำจัดการปนเปื้อนคราบน้ำมันที่ลอยในทะเล จะต้องใช้เครื่องมือบูมล้อมสกัดเอาไว้และใช้น้ำยาฉีดผ่านเครื่องSpray แม้ว่าในปัจจุบันน้ำยานี้มีเก็บไว้ที่ที่คลังน้ำมันของบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน อ่าวมะขาม จังหวัดภูเก็ต แต่เครื่องมือทำSpray กลับไม่มี ทราบว่าเครื่องมือเป็นของผู้ประกอกการภาคเอกชนรายหนึ่ง และในข้อกฎหมาย การเดินเรือและมีส่วนสร้างความเสียหายเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม จะต้องมีผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

สำหรับในเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ตรับว่า จะไปประสานงานกับเจ้าของกิจการเรือโชคถาวร 6 เพื่อให้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และในเช้าวันที่ 5 กันยายนนี้ เวลาประมาณ 06.00น.หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่3นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ออกไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูล เส้นทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน และนำมาเสนอต่อที่ประชุม ในเวลา08.00น. เพื่อให้คณะกรรมการ ในที่ประชุมพิจารณาดำเนินการตัดสินใจเลือกใช้มาตรการกำจัดคราบน้ำมันที่เหมาะสมต่อไป
#

“ร่วมห่วงใยเราใส่ใจรักษ์..ทะเล”ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ840,000ตัวร่วมทำความดีถวายในหลวง


โรงงานยาสูบกระทรวงการคลังร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ตและสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรม“ร่วมห่วงใยเราใส่ใจรักษ์..ทะเล”ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ840,000ตัวร่วมทำความดีถวายในหลวง

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันที่ 4 กันยายนนี้ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ่าวภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายธีรยุทธ เอี่ยม ตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตภูเก็ต เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำ ปูดำ และปลากะพงขาว รวมจำนวน 840,000 ตัว ตามโครงการ“โลกดูแลเรา เราดูแลโลก” ด้วยการจัดกิจกรรม “ร่วมห่วงใย เราใส่ใจ รักษ์...ทะเล” ที่ทางโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ตและสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีส่วนราชการ องค์กรท้องถิ่น กลุ่มประมงเรือเล็กกอจ๊าน ตลอดจน นักเรียน นักศึกษา ประชาชาชาวภูเก็ตร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประมาณ 1,000 คน


นางชื่นใจ ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาด โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังกล่าวว่า ทางโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต และสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งที่ลดปริมาณลงจนอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาและการดำรงชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ต่างๆของประเทศไทย เพื่อเป็นการขยายพันธุ์สัตว์น้ำและส่งเสริมอาชีพชาวประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต ทางโรงงานยาสูบและหน่วยง่านราชการที่เกี่ยวข้องจึงจัดกิจกรรม “ร่วมห่วงใย เราใส่ใจ รักษ์...ทะเล” ภายใต้โครงการ “โลกดูแลเรา เราดูแลโลก” เพื่อร่วมทำความดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยการปล่อยสัตว์น้ำ จำนวน 840,000 ตัว


สำหรับกิจกรรม“ร่วมห่วงใย เราใส่ใจ รักษ์...ทะเล”ภายใต้โครงการ“โลกดูแลเรา เราดูแลโลก” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากร่วมกับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชาชนและชาวประมงในพื้นที่ร่วมกันปล่อยสัตว์น้ำในช่วงเช้าแล้วในเวลา10.30 น.วันเดียวกันยังจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “ผลประโยชน์อย่างยั่งยืน บนผืนทะเลไทย”โดยผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มชาวประมงจังหวัดภูเก็ต ,สำนักงานประมง จังหวัดภูเก็ต ,ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และนักวิชาการด้านทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง และผลการสัมมนาจะเป็นหนทางหนึ่งในการกำหนดทิศทางและหาทางออกในการจัดการและดูแลผลประโยชน์ในทะเลไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของชาวประมงพื้นบ้านและประชาชนคนไทยทุกคน ในการดูแลจัดการด้านทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนสืบไป
#

เรือโชคถาวร 6บรรทุกน้ำมัน 40,000ลิตรประสบอุบัติเหตุอับปางกลางทะเลห่างจากอ่าวฉลอง 10ไมล์ทะเลและเกาะราชาใหญ่ 4 ไมล์ทะเล ส่วนลูกเรือ 4คนปลอดภัย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 4 กันยายนนี้พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ ได้รับแจ้งจากลูกเรือโชคถาวร 6 ที่แล่นออกไปจากบริเวณท่าเรืออ่าวฉลอง เพื่อนำน้ำมันไปส่งให้กับโรงแรมที่บริเวณเกาะราชาใหญ่ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ว่า มีน้ำทะเลทะลักเข้าไปภายในเรือ และจุดเกิดเหตุ อยู่ห่างจากอ่าวฉลองไปยังเกาะราชาใหญ่ ขอให้เดินทางช่วยเหลือเป็นการด่วน

ทั้งนี้ภายหลังได้รับแจ้งจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ต นำเรือตรวจการณ์ 814 หรือเรือคุณพุ่ม ออกไปช่วยเหลือ และพบว่าจุดเกิดเหตุห่างจากอ่าวฉลองไปประมาณ 10 ไมล์ทะเลหรืออยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ประมาณ 4 ไมล์ทะเล หรือที่บริเวณละติจูดที่ 7 องศา 40 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 98 องศา 25 ลิปดาตะวันออก พบเรือบรรทุกน้ำมันชื่อเรือโชคถาวร 6 กำลังจมดิ่งลงสู่ก้นทะเล เจ้าหน้าที่จึงรีบช่วยเหลือลูกเรือจำนวน 4 คน ท่ามกลางกระแสคลื่นแรงสูงประมาณ 4 เมตรกลับขึ้นอยู่บนเรือโชคถาวร8 ที่เป็นเรืออีกลำที่แล่นคู่ไปกับเรือโชคถาวร 6ได้อย่างปลอดภัย

พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำกล่าวว่าจากการสอบสวน ทราบว่าก่อนเกิดเหตุเรือโชคถาวร 6 บรรทุกน้ำมันจากคลังน้ำมัน ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อนำไปส่งให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่เกาะราชาใหญ่ หมู่ที่3 ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จำนวนประมาณ 40,000 ลิตร เมื่อเรือลำดังกล่าวขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่ามีฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก และมีคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ทำให้เรือลำเกิดเหตุมีน้ำเข้าไปภายในเรือและค่อยๆ จมดิ่งไปในทะเล

อย่างไรก็ดีในระหว่างนั้นมีเรือโชคถาวร 8 ที่แล่นคู่กันมาเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยเหลือลูกเรือรอดปลอดภัย พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ได้คอยสังเกตการณ์เรื่องคราบน้ำมัน เนื่องจากเกรงจะมีคราบน้ำมันลอยขึ้นมาและจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์วิทยาทางทะเล รวมทั้งได้แจ้งเตือนชาวประมงให้งดนำเรือออกจากฝั่ง เนื่องจากมีลมแรงและคลื่นสูงถึง 4 เมตร เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายได้

สำหรับในวันเดียวกันนี้ ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก จังหวัดภูเก็ต รายงานสภาวะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 07.00น. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้จังหวัดภูเก็ตมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่และมีฝนหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร นอกจากนี้ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ออกประกาศแจ้งเตือนอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พาดผ่านพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กันยายนนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว


#

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์การมหาชน)จัดงาน“ศิลปาชีพสัญจรครั้งที่1สืบสานงานศิลป์ เยือนถิ่นทะเลงามภูเก็ต”



ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์การมหาชน)จัดงาน“ศิลปาชีพสัญจรครั้งที่1สืบสานงานศิลป์ เยือนถิ่นทะเลงามภูเก็ต”หรือArts&CraftsFestivalในระหว่างวันที่2-8กันยายนนี้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต



เมื่อค่ำวันที่3กันยายนนี้เวลาประมาณ18.00น.นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานเปิดงานโครงการ“ศิลปาชีพสัญจรครั้งที่1สืบสานงานศิลป์เยือนถิ่นทะเลงามภูเก็ต”หรือ Arts & Crafts Festival อย่างเป็นทางการที่กำหนดจัดขึ้นต่อเนื่องจนถึงวันที่8กันยายนนี้ที่บริเวณลานแกรนด์ฮอลล์ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตชั้นที่ 1และชั้นที่ 2สำหรับกิจกรรมเด่นที่น่าสนใจคือการจัดแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษThe Pride Of Thaiและร่วมสนทนากับลูกเกด เมทินี วอชิงตัน กิ่งโพยมในฐานะที่เป็นมิกซ์แอนด์แมทช์ กูรู รวมทั้งวิชญาณี เปียกลิ่น หรือ น้องแก้ม เดอะสตาร์ปี 2551ที่มาร่วมสร้างบรรยากาศความสนุกสนานและคึกคักด้วยมินิคอนเสิร์ต The Rhythm Of Thai Art



สำหรับศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์การมหาชน)หรือศ.ศ.ป.เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ริเริ่มจัดงานโครงการ“ศิลปาชีพสัญจรครั้งที่1สืบสานงานศิลป์เยือนถิ่นทะเลงามภูเก็ต”ขึ้นครั้งแรกในส่วนภูมิภาคที่จังหวัดภูเก็ตโดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มพื้นที่ ที่มีกำลังซื้อจากกลุ่มธุรกิจในเมืองท่องเที่ยวทางภาคใต้โดย จัดนิทรรศการภาพพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถที่หาชมได้ยาก การแสดงผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ จากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ตลอดจนการนำสินค้า ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพศิลปหัตถกรรมจากแหล่งผลิตที่อยู่ทางภูมิภาคต่างๆและศูนย์ศิลปาชีพ ที่ประณีตและสวยงามและผู้ประกอบการสมาชิกศ.ศ.ป.นำมาแสดงและจำหน่ายตลอดงานจำนวนมากถึง100ร้านค้า โดยแบ่งหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ เป็น 4 ภาค รวมทั้งการสาธิต การประดิษฐ์งานฝีมือต่างๆ ตลอดจนการแสดงนาฏศิลป์ไทยและกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นประจำทุกวันด้วย


นายกุญญพันธ์ แรงขำ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์การมหาชน) กล่าวว่าการจัดงานโครงการ“ศิลปาชีพสัญจร ครั้งที่1สืบสานงานศิลป์เยือนถิ่นทะเลงามภูเก็ต”หรือ Arts & Crafts Festivalมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเนื่องในมหามงคลวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ78 พรรษาเพื่อสานต่อพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการฝึกอาชีพแก่ประชาชนและ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมงานศิลปาชีพและศิลปหัตถกรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่สำคัญ มีศักยภาพแห่งหนึ่งของภาคใต้ ที่สอดคล้องกับโครงการและสอดรับกับแผนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ต้องการสนับสนุนการเงิน การตลาด ในประเทศ



นอกจากนี้ต้องการให้เกิดการหมุนเวียนและเติบโตอย่างเป็นขั้นตอน สำหรับในอนาคตนั้น มีโครงการที่จะขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และอาจจะมีการสัญจรไปจัดในต่างประเทศ และที่สำคัญมีส่วนสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเป็นระบบและยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่งและเพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมด้านการตลาดให้ผลิตภัณฑ์งานศิลปาชีพเป็นที่ยอมรับในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ


#

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวแห่งประเทศมาเลเซีย เยือนจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นทางการ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวแห่งประเทศมาเลเซีย เยือนจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 2-4 กันยายนนี้ หวังกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ เพิ่มขึ้นในอนาคต


เมื่อค่ำวันที่ 2 กันยายนนี้ที่ร้านอาหาร Blue Elephant ภูเก็ตนายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยนางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายแพทย์โกศล แตงอุทัย นายกสมาคมเพอรานากัน ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆรวมทั้งบริษัทนำเที่ยวและสื่อมวลชนร่วมต้อนรับและร่วมงานเลี้ยงรับรอง ดาโต๊ะ สรี ด็อกเตอร์ อึ้ง เย็น เย็น (Dato’ Sri Dr.Ng Yen Yen )รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวแห่งประเทศมาเลเซีย ในโอกาสเดินทางมาเยือนจังหวัดภูเก็ตอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 2-4กันยายนนี้ ในโอกาสเดียวกันนี้ ได้มอบโล่ที่ระลึกสำหรับบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ที่มีส่วนร่วมในการนำนักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศที่อยู่ในไทยไปท่องเที่ยวในประเทศมาเลเซีย ในปี 2552มากถึงประมาณ1,400,000คนหรือเป็นนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนมากเป็นอันดับ 3


ในโอกาสเดียวกันนี้ดาโต๊ะ สรี ด็อกเตอร์ อึ้ง เย็น เย็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวแห่งประเทศมาเลเซียได้นำชมนิทรรศการภาพถ่าย จำนวน 15 ภาพ ที่จัดแสดงบริเวณด้านปีกซ้ายชั้น 2ของร้านอาหารที่เมื่อเร็วๆนี้ทางการมาเลเซียเชิญสมาชิกจากชมรมช่างภาพภูเก็ตจำนวน 8 คนเข้าร่วมกิจกรรม A Photo Journey to Malaysia หรือเดินทางไปเยือนเมืองปีนัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ปุตราจายาและเมืองมะละกา เพื่อร่วมบันทึกภาพต่าง ๆ และสะท้อนมุมมองของคนไทยที่มีต่อเสน่ห์ของประเทศมาเลเซียทั้งด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ สถาปัตยกรรม ประชาชนและอาหาร และหวังว่าจะมีโอกาสร่วมมือกันทำงานเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซียเพื่อความสำเร็จร่วมกันต่อไปในอนาคต โดยเห็นว่าทั้งสองประเทศสามารถส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เชื่อมโยงกันได้อย่างต่อเนื่อง และภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์ควบคู่กันไป


ทั้งนี้ดาโต๊ะ สรี ด็อกเตอร์ อึ้ง เย็น เย็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวแห่งประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสมสำหรับวันหยุดพักผ่อน โดยเฉพาะภาคใต้ของไทยรวมทั้งจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง มีชาวต่างชาติและประชากรที่มีรายได้ต่อหัวต่อปีสูง การเชื่อมต่อทางภาคใต้ของไทยและประเทศมาเลเซีย ทั้งทางบกและทะเลรวมไปถึงรถไฟ ผ่านทางด่านต่างๆมาก ถึง 12 ด่าน ส่วนทางอากาศมี4สายการบินรวมประมาณ 9,612ที่นั่งต่อสัปดาห์ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวทางภาคใต้


สำหรับล่าสุดที่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีบริการของสายการบินAir Asiaไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่สามารถรองรับได้กว่า1,200คนต่อสัปดาห์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางโดยรถไฟ ยังมีการเชื่อมต่อจากหาดใหญ่ไปเกอร์มาส รองรับได้ประมาณ 1,100 คนต่อสัปดาห์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณประหยัดและพักในรูปแบบโฮมสเตย์ ทัศนศึกษาและผู้ที่ท่องเที่ยวด้วยตัวเองหรือBackpackersนอกจากนี้ นักเรียนไทยมีความต้องการจะเดินทางไปทัศนศึกษาในประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและในปัจจุบันมีนักเรียนไทยเข้าไปศึกษามากกว่า2,000คนและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการศึกษาที่มีคุณภาพ


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวแห่งประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ในปี 2558 จะมีการส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนและการมาเยือนจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยในครั้งนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเข้มแข็งและแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคอนเซ็ปต์ที่ว่า Two Destinations One Holiday Package สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นและจังหวัดภูเก็ต มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำมากกว่า 22 สายการบิน จากประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งสายการบินที่ทำการบินเป็นประจำจากประเทศมาเลเซีย คือ มาเลเซีย แอร์ไลนส์ ,Air Asia ,และFirefly ที่สามารถจะเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศมาเลเซียทั้ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ,เมืองซูบังและปีนัง และในวันที่ 12 ตุลาคมนี้ จะมีสายการบินสำคัญอีกสายการบินหนึ่งคือการ์ต้า แอร์เวยส์ ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดภูเก็ตและกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือ สามารถต่อเนื่องไปยังโดฮาร์ ประเทศการ์ต้า


ส่วนเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย จะส่งเสริมผ่านทางแบรนด์สากลคือ Malaysia Truly Asia นอกจากนี้ในแต่ละปียังมีกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดปี เช่น Colour of 1 Malaysia, Malaysia International Floral Parade, Water Festival, Mega Sale และ Year End ตามลำดับ ในขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมใหม่ ๆ เช่น 1 Malaysia Contemporary Art Tourism Festival หรือ MCAT ในเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะมี เทศกาล Fabulous Food 1 Malaysia ตั้งแต่ตุลาคมถึงธันวาคม และ Malaysia International Shoes Festival กำหนดจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน 2554 พร้อมพบกับ Jimmy Choo นักออกแบบรองเท้าชื่อดังชาวมาเลเซียด้วย
#

STAR RUBY POINT AT KOH RACHAYAI


จังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ประสบความสำเร็จ ในการสร้างแนวปะการังเทียมที่บริเวณอ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ และนักดำน้ำเริ่มรู้จักกันในชื่อว่าสตาร์รูบี้พอยท์


นาย ไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่5ภูเก็ตกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวถึงความสำเร็จในการสร้างแนวปะการังเทียมที่บริเวณอ่าวทือ เกาะราชาใหญ่ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตว่าหลังจากศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเกาะราชาใหญ่จัดสร้างแนวปะการังเทียมโดยใช้หมู่เรือประมงจำนวน2ลำคือเรือฮารูบี้(Ha Ruby)ที่เป็นเรือเหล็กอายุประมาณ10ปีและเรือประมงไม้นำไปจมลงสู่ทะเลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 สร้างเป็นแนวปะการังเทียมเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์วิทยาทางทะเลและลดผลกระทบการใช้ประโยชน์แนวปะการังธรรมชาติที่ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวลงไปดำน้ำชมแนวปะการังจำนวนมาก


ทั้งนี้หลังจากการจมหมู่เรือนี้เพื่อสร้างแนวปะการังเทียมแห่งใหม่ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากบรรดานักดำน้ำ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยในปัจจุบันนี้มีนักดำน้ำลงไปดำน้ำที่จุดนี้หรือที่รู้จักกันในกลุ่มนักดำน้ำคือจุด“สตาร์รูบี้พอยท์”( Star Ruby Point) จำนวนมาก หรือเฉลี่ยมีนักดำน้ำเข้าไปดำน้ำชมความสวยงามของแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ประมาณ100คนต่อวัน พร้อมกับยกให้เป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ที่น่าสนใจ และเป็นจุดหมายใหม่ของนักดำน้ำ เนื่องจากแหล่งดำน้ำแห่งนี้นอกจากจะมีเรือประมงที่จมแล้วยังมีความหลากหลายของสัตว์ทะเลนานาชนิดที่เข้าไปอาศัยอยู่ภายในเรือประมงที่จม คือ เต่า ปลาไหลมอเรย์ ปลาผีเสื้อ ปลาปักเป้า และปลาสวยงามอื่นๆจำนวนมาก และนักท่องเที่ยวสามารถลงไปเล่นกับสัตว์ทะเลได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งสามารถที่จะว่ายน้ำเข้าไปชมความสวยงามภาพในตัวเรือได้ด้วย ดังนั้นจึงเป็นจุดที่น่าสนใจและดึงดูดให้นักท่องให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดำน้ำในจุดนี้แทนที่จะไปดำน้ำในจุดดำน้ำที่เป็นแนวปะการังธรรมชาติ ที่จะช่วยให้แนวปะการังธรรมชาติที่เสื่อมโทรมสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น


นอกจากนี้ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวด้วยว่าจากการจมเรือไปได้ระยะหนึ่งพบว่าปัจจุบันเริ่มมีปะการังชนิดต่างๆลงมาเกาะที่บริเวณตัวเรือทั้ง 2 ลำ และเชื่อว่าอีกไม่นานแหล่งปะการังเทียมแห่งนี้จะมีปะการังธรรมชาติเกิดขึ้นจำนวนมากโดยเฉพาะกัลปังหาที่ลงเกาะตามตัวเรือจำนวนมากแล้ว ส่วนในช่วงไฮซีซั่นที่จะถึงนี้มั่นใจว่าแหล่งดำน้ำแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวลงไปดำน้ำเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน สำหรับการดำเนินการสร้างหมู่เรือปะการังเทียมที่อ่าวทือ เกาะราชาใหญ่นั้น เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนมีโครงการจะขยายพื้นที่และในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหาผู้สนับสนุนในการจัดซื้อเรือเพิ่มเพื่อนำวางในบริเวณแนวปะการังเทียมเพิ่ม เติม เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการดำน้ำเพื่อไม่ให้แออัดเกินไป เพราะการจัดวางเรือแต่ละลำนั้นจะวางห่างกันจุดละประมาณ 20 เมตร และมีการวางแท่งซีเมนต์โปร่งเชื่อมต่อกันทำให้นักดำน้ำสามารถดำน้ำจากเรือลำหนึ่งไปยังเรืออีกลำได้โดยไม่ขาดตอน
#

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

สมาคมกอล์ฟภูเก็ตจัดการแข่งขันกอล์ฟ Amateur Open 2010


สมาคมกอล์ฟภูเก็ตกำหนดจัดการแข่งขันกอล์ฟ Amateur Open 2010วันเสาร์ที่ 11 กันยายนนี้ที่สนามกอล์ฟล็อคปาล์มภูเก็ต เพื่อรณรงค์จัดหารายได้ สนับสนุนตัวแทนนักกอล์ฟไปแข่งกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดชลบุรี ในระหว่างวันที่ 9-19ธันวาคม นี้

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 31สิงหาคมนี้ที่ห้องนนทรีย์ โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต นายวัชร จารุอริยานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟภูเก็ตพร้อมด้วยนายกิจจา พงษ์ประภาส อุปนายกสมาคมและนายประพันธ์ ขันธกุล กรรมการฝ่ายกิจกรรมสมาคมกอล์ฟภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวจัดการแข่งขันกอล์ฟ Amateur Open 2010 ที่กำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 กันยายนนี้ที่สนามกอล์ฟล็อคปาล์ม ภูเก็ต อำเภอกะทู้


นายวัชร จารุอริยานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟภูเก็ตกล่าวว่า สมาคมกอล์ฟภูเก็ตเป็นสมาคมที่เก่าแก่ ถือว่า เป็นสมาคมแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2508 หรือ 45ปีในปีนี้ โดยมีคณะกรรมการสมาคมรับผิดชอบ มาอย่างต่อเนื่อง และ ในยุคปัจจุบัน จำเป็นจะต้องพัฒนาปรับปรุงด้านการประชาสัมพันธ์ การฝึกอบรมหรือการสร้างนักกอล์ฟรุ่นใหม่ มาเสริมอย่างต่อเนื่อง และการจัดการแข่งขันกอล์ฟ Amateur Open 2010 ในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดสนับสนุนตัวแทนนักกีฬากอล์ฟจังหวัดภูเก็ต สำหรับไปแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่จังหวัดชลบุรีหรือชลบุรีเกมส์ ในวันที่ 9-19ธันวาคม 2553 นี้ และการแข่งขันรายการนี้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย ประเภทหญิงอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ประเภทผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป ประเภทผู้สูงอายุมาก อายุ 60 ปีขึ้นไป และประเภทบุคคลทั่วไป ซึ่งไม่จำกัดอายุ –เพศ โดยมีค่าลงทะเบียน คนละ 2,750 บาท รวมค่ากรีนพี แค้ดดี้ ของที่ระลึก และงานเลี้ยง

นายกสมาคมกอล์ฟภูเก็ตกล่าวว่า ผู้ชนะเลิศในแต่ละประเภทพร้อมรองชนะเลิศ จะได้รับถ้วยหรือโล่จากสมาคมกอล์ฟภูเก็ตพร้อมทั้งมีการจับรางวัลในงานเลี้ยงอีกมากมายและตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นทางสมาคมกอล์ฟภูเก็ตนำนักกีฬาไปแข่งขันหลายทัวร์นาเม้นท์ทั้งในและต่างประเทศ และขณะนี้มีนักกอล์ฟจังหวัดภูเก็ตเป็นตัวแทนระดับชาติ และในอนาคตจะเร่งผลิตนักกอล์ฟไปเป็นตัวแทนระดับนานาชาติให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา และตัวแทนเด็กและเยาวชนที่สมาคมกอล์ฟ ให้การสนับสนุนในปัจจุบันเป็นบุตรหลานของประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพ


สำหรับตัวแทนนักกีฬากอล์ฟ ผ่านการคัดเลือกเป็นตัวแทนเขตย่อยภาค 4 หรือเมืองลุงเกมส์เมื่อวันที่ 24-27 สิงหาคมนี้ ประกอบไปด้วยประเภทบุคคลหญิงและประเภททีมหญิงคือนางสาวจินต์จุฑา ทองตัน ,นางสาวพลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์และนางสาวปิยธิดา พิพัฒน์สมบัติ ประเภทบุคคลชาย เด็กชายปริวรรษ ปิ่นสวัสดิ์ ประเภททีมชาย คือ นายวัชรธร จิราพัชรสิน นายปิยพนธ์ ทองตัน เด็กชายปริวรรษ ปิ่นสวัสดิ์และเด็กชายศราวุธ บุตรหนองแสง โดยมีนายประพันธ์ ขันธกูล เป็นผู้จัดการทีม นายอุดร ดวงเดชา เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน นายศรันย์ สุวรรณจันลา ผู้ฝึกสอนและนายชำนาญ พัฒนะบุษย์ ที่ปรึกษา
#