ตำรวจท่องเที่ยวกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สามารถจับกุมอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโครงการหมู่บ้านประชาชื่นเพลส กรุงเทพมหานคร ที่ก่อเหตุโจรกรรม ร้านจิวเวลรี่ออนเจมส์ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาแจ้งวัฒนะ
เมื่อเวลาประมาณเวลา 15.00 น.วันที่ 19 สิงหาคมนี้ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รองผู้กำกับการ และคณะร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายพิชิต โนคำ อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 13 ตำบลหัวนาคำ อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1619/2253 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม.2553 โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ซอย 11 หมู่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เมื่อเวลา 06.00 น.วันเดียวกันนี้
ทั้งนี้พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวว่านายพิชิต โนคำ ผู้ต้องหารายนี้ ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อยู่ที่ในโครงการหมู่บ้านประชาชื่นเพลส ถนนประชาชื่น เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีแฟนสาวชื่อ นางสาวปณิศรา สุวรรณชัย ทำงานอยู่ที่ร้านจิวเวลรี่ ซื่อร้านออนเจมส์ ตั้งอยู่ภายในห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาแจ้งวัฒนะ สำหรับร้านนี้นอกจากจำหน่ายแล้วยังรับซ่อมและรับจำนำเครื่องเพชร และมี นางสาวธัญญนภัส อภิพัฒน์วงศธร เป็นเจ้าของร้าน อย่างไรก็ดีเนื่องจากผู้ต้องหามักจะไปหาแฟนสาวที่ร้านเป็นประจำ จึงมีความสนิทสนมกับเจ้าของร้าน จนกระทั่งเมื่อประมาณ2เดือนที่ผ่านมา ผู้ต้องหามีปากเสียงหรือทะเลาะกับแฟนสาวเป็นเหตุให้แฟนสาวต้องลาออกจากงานที่ร้านจิวเวลรี่แล้วกลับไปอยู่บ้านเดิมที่ จังหวัดเลย ในขณะเดียวกันผู้ต้องหาได้ออกจากงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เช่นเดียวกันกันแต่ยังคงอาศัยอยู่ที่ทำงานเก่า
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมนี้เวลาประมาณ 06.13 น. นายพิชิต โนคำ ผู้ต้องหาได้เข้าไปที่ร้านจิวเวลรี่ ออนเจมส์ ซึ่งเป็นช่วงก่อนเวลาเปิดทำการ โดยอาศัยความคุ้นเคยกับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้าน โดยอ้างว่าเข้าไปซ่อมแซมระบบไฟฟ้าภายในร้านจิวเวอรี่ จากนั้นใช้ไขควงที่เตรียมมางัดลิ้นชักพร้อมกับ โจรกรรม เครื่องเพชร ทองรูปพรรณ และสิ่งของมีค่าต่างๆประมาณ 20 รายการ รวมมูลค่าประมาณ1 ล้านบาทและภายหลังจากที่ก่อคดีแล้ว ผู้ต้องหานำทรัพย์สินต่างๆที่โจรกรรมมาได้ไปขายและจำนำได้เงินมาทั้งสิ้นประมาณ 40,000บาทเศษ นำเงินไปใช้หนี้และใช้จ่ายจนหมด และในเวลาประมาณครึ่งเดือนได้หลบหนีลงมา กบดานที่ จังหวัดกระบี่ ที่มารดามาทำงานอยู่ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวได้
ผู้กำกับการ5กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวว่าจากการสอบปากคำเบื้องต้นนายพิชิต โนคำผู้ต้องหาให้การว่าก่อเหตุโจรกรรมเพราะมีหนี้สินและยืมเงินจากแฟนสาวจนมีปากเสียงและต้องนำรถจักร- ยานยนต์ไปจำนำเพื่อนำเงินมาใช้หนี้แต่ยังไม่หมดและหมุนเงินไม่ทัน รวมทั้งชอบเล่นพนันสนุ๊กเกอร์ต่อมา เจ้าของร้านจำนำยึดรถจักรยานยนต์จึงตัดสินใจโจรกรรมทรัพย์สินที่ร้านจิวเวลรี่ออนเจมส์ สำหรับในคดีนี้เป็นคดีที่ที่น่าสนใจของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวเนื่องจากทรัพย์สินจำพวกเครื่องเพชรและทองรูปพรรณที่โจรกรรมไปส่วนหนึ่งเป็นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นำไปซ่อมที่ร้านจนทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้าแจ้งความร้องทุกข์และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวประสานมายังกองกำกับการ5กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ออกหาข่าวสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมนายพิชิต โนคำและพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ พร้อมเตรียมนำตัวเข้ากรุงเทพมหานครในเย็นวันนี้เพื่อติดตามสืบสวนสอบสวนยึดและอายัดทรัพย์สินที่ผู้ต้องหานำไปขายและจำนำต่อไป
#
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น