วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ตและพังงาคว้า 9 รางวัลและจำนวนนี้เป็น 5 รางวัลยอดเยี่ยม อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 8


ผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ตและพังงาผนึกกำลังปรับปรุงคุณภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถคว้าถึง 9 รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 8และในจำนวนนี้ 5รางวัลเป็นรางวัลยอดเยี่ยม

นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ตกล่าวว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประกาศผลการตัดสินรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 8 ประจำปี 2553 หรือThailand Tourism Awards 2010ไปแล้วเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2553 ที่ผ่านมาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภูเก็ต ขอแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพังงาจำนวน 9 ราย ที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตและพังงาได้เป็นอย่างดี

สำหรับรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลประกอบไปด้วยชุมชนบ้านบางโรง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยวชุมชน โรงแรมกะตะธานีภูเก็ตบีชรีสอร์ท ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทโรงแรมตากอากาศตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป โรงแรมเดอะรอยัล พาราไดซ์แอนด์สปา ภูเก็ต ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทโรงแรมตากอากาศตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป ชมรมท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครภูเก็ต ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยว สุโขสปา ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือเดย์ สปา

ในขณะที่บันยันทรี สปา ภูเก็ต ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือเดสทิเนชั่นสปาโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมประเภทท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือสถานพยาบาลภาคเอกชนและบริษัทบาราคูดา ไดฟ์วิ่ง ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทรายการนำเที่ยวนักท่องเที่ยวในประเทศทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชิญผู้ประกอบการทุกรายที่ได้รับรางวัลเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลในวันที่ 27 กันยายนนี้ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ตกล่าวว่าผลการตัดสินรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดพังงาที่ให้ความสำคัญในเรื่องการจัดการที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดจากผู้ประกอบบางรายที่เคยได้รับดีเด่นในครั้งที่ผ่านมาแต่มีความพยายามปรับปรุงคุณภาพจนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในปีนี้จำนวน 2 รายคือ โรงแรมกะตะธานีภูเก็ตบีช รีสอร์ทและชมรมการท่องเที่ยวเกาะยาวน้อย สำหรับสิทธิประโยชน์ของผลงานที่ได้รับรางวัลการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 8 ประจำปี 2553 นั้นจะได้รับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์รวมถึงการส่งเสริมการขายในช่องทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 1 ปี หลังการประกาศผลการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
#

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รายการภูเก็ตเรดิโอพูลกับโอทอปมิดเยียร์ 2010


นางจิรดา ดีชัยยะ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ตมอบผลิตภัณฑ์โอทอปจากงานโอทอปมิดเยียร์ 2010ให้แก่ผู้ฟังที่โทรศัพท์ตอบคำถาม ในรายการภูเก็ตเรดิโอพูล คือนางสาววรรณภา อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นผ้าทอจากศิมาพรผ้าฝ้าย จังหวัดมหาสารคาม และนายกิตติกร เกื้อกูล รับพระแกะสลักที่ผ่านการปลุกเสก จากกลุ่มแกะสลักหินสวยงาม จังหวัดเชียงราย

#

ศิลปินภาพเขียนสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ลงพิกัดดาวเทียม หรือจีพีเอสนำผลงานแสดงที่ ที่บีคาเฟ่ ท่าเรืออ่าวฉลอง


อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์" ศิลปินโชว์ผลงานภาพเขียนสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ลงพิกัดดาวเทียม หรือจีพีเอสในงานนิทรรศการศิลปะมนต์เสน่ห์แห่งเมืองไทยในชุด "จากภู..สู่เล ครั้งที่ 2"ในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม-วันที่12กันยายนนี้ ที่บีคาเฟ่ ท่าเรืออ่าวฉลอง


ที่ร้านบีคาเฟ่ ท่าเรืออ่าวฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายประมุข อัจฉริยะฉาย กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประเทศฟินแลนด์ประจำภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการศิลปะมนต์เสน่ห์แห่งเมืองไทยในชุด"จากภู..สู่เลครั้งที่ 2" โดยมีแขกผู้มีเกียรติและประชาชน หรือนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบงานศิลปะ มาร่วมพิธีเปิดนิทรรศการครั้งนี้เป็นจำนวนมากและนิทรรศการนี้กำหนดจัดแสดงระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม- วันที่12 กันยายนนี้และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมนิทรรศการงานนี้ได้ตั้งแต่เวลา13.00- 3.00 น. หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 076-383738-9


นางกฤติยา เสงี่ยมกุล กรรมการผู้จัดการบ้านรายารีสอร์ท จังหวัดภูเก็ตกล่าวว่านับเป็นโอกาสนี้ของผู้ชื่นชอบงานด้านศิลปะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยี พิกัดดาวเทียมหรือ จีพีเอส มาลงในภาพเขียนที่จะมีส่วนในการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านงานศิลปะภาพเขียน คือในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม-วันที่12กันยายนนี้ นายอภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ ศิลปินที่มีชื่อเสียงในงานจิตรกรรมสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ จะนำผลงานรวมจำนวน 30 ชิ้นมาแสดงจัดนิทรรศการแสดงที่ บีคาเฟ่ ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จังหวัดภูเก็ต



ทั้งนี้ผลงานทั้งหมดของนายอภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ เป็นไปตามแนวคิดของตนเองที่ได้นำเรื่องราว บรรยากาศของขุนเขา ดอกไม้ ใบหญ้าและสีสันของเมืองเหนือเสมือนหนึ่งได้พกพาเอาสายลม หมอกหนาว มาหยอกเย้ากับเปลวแดด เกลียวคลื่นของท้องทะเลภูเก็ต บันทึก ถ่ายทอดลงผืนผ้าใบ ถือว่าเป็นนิทรรศการศิลปะที่สะท้อนให้เห็นถึงความงดงามและกระตุ้นให้เกิดความรัก รวมทั้งหวงแหนธรรมชาติและถือเป็นศิลปินคนแรกของเมืองไทยที่นอกเหนือจะนิยมเขียนภาพจากสถานที่จริงแล้วยังเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้นำเทคโนโลยีมาผสมผสานกันงานเขียน ด้วยการลงพิกัดจีพีเอส ลงในภาพเขียนด้วย


นายอภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ กล่าวว่า ดั้งเดิมเป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จังหวัดตาก และไปพักอยู่ที่จังหวัดเชียงรายนานประมาณ 20 ปีและมีครั้งหนึ่งที่เคยเดินทางมาภูเก็ต และในช่วงที่ลงเรือเร็วเพื่อจะเดินทางไปพักที่บ้านรายารีสอร์ทเพื่อหาทำเลในการเขียนภาพ ในครั้งนั้นปรากฏว่านายสุวัฒน์ เสงี่ยมกุล ได้เห็นงานเขียนและจุดประกายความคิดขึ้นมาว่าหากภาพเขียนแต่ละภาพมีพิกัดดาวเทียม จะเป็นเรื่องที่มีผลดีต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับงานศิลปะพร้อมๆกัน


นอกจากนี้ศิลปินภาพเขียนสีน้ำมันบนผืนผ้าใบ ลงพิกัดดาวเทียม หรือจีพีเอสกล่าวอีกว่า ในช่วงหนึ่งผู้สนใจงานเขียนคือ นายสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ เจ้าของบริษัทโอสถสภา หรือ เต็กเฮงหยู จำกัด ถึงขนาดที่ขับรถขึ้นไปหาที่ดอยแม่สะลอง จังหวัดเชียงราย เพื่อสอบถามว่างานเขียนที่นายสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ซื้อไปนั้น สถานที่จริงอยู่ที่ไหน เพราะต้องการไปสัมผัสสถานที่จริงตามงานเขียนที่อยู่บนผืนผ้าใบ ทำให้ตัดสินใจนำเทคโลยีพิกัดดาวเทียมมาผสมผสานลงในงานศิลปะ เพราะนอกจากทำให้งานเขียนมีคุณค่าขึ้นแล้วยังสามารถเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านงานศิลปะได้อีกทางหนึ่ง
#

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โครงการตลาดนัดสินค้าศิลปะหรือ Art Village Weekend



รอยัลภูเก็ต มารีน่าร่วมกับบริษัทบีเอ็มเอสอิเวนท์ออแกไนเซอร์จำกัดและคณะนานาศิลปินพร้อมจัดงานโครงการตลาดนัดสินค้าศิลปะหรือ Art Village Weekend



ที่ร้านอาหารเลอซอง (Les Anges) บริเวณ รอยัลภูเก็ต มารีน่า บ้านเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตนายณรงค์ พรหมจิตต ผู้จัดการบริษัทบีเอ็มเอส อิเวนท์ ออแกไนเซอร์ จำกัด พร้อมด้วย ผู้แทนรอยัล ภูเก็ต มารีน่าและตัวแทนคณะศิลปินแขนงต่างๆ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานโครงการตลาดนัดสินค้าศิลปะหรือ Art Village Weekend ที่กำหนดจัดขึ้นในระหว่างเดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม 2553




นายณรงค์ พรหมจิตต ผู้จัดการบริษัทบีเอ็มเอสอิเวนท์ออแกไนเซอร์จำกัดกล่าวว่าทางรอยัลภูเก็ตมารี-น่า และบริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพของศิลปินและผู้ประกอบการที่ผลิตงานศิลปะในรูปแบบสิ่งของตกแต่ง ของฝาก ของที่ระลึก รวมทั้งของใช้ในชีวิตประจำวันที่มีจำนวนมากในจังหวัดภูเก็ต และพิจารณาเห็นว่าในช่วงที่นอกเหนือจากฤดูการท่องเที่ยวหรือช่วงกรีนซีซั่น อาจจะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนจังหวัดภูเก็ตน้อยลง




ในขณะที่รอยัลภูเก็ตมารีน่าเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศ ที่มาพร้อมกับเรือยอช์ต เข้าพักอาศัยตลอดทั้งปี และภายใต้การจัดงานเป็นอาสาสมัครการกุศลของ บริษัทบีเอ็มเอส อิเวนท์ ออแกไนเซอร์ จำกัด จึงพิจารณาจัดโครงการตลาดนัดสินค้าศิลปะหรือ Art Village Weekend ขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมรวมทั้งกระตุ้นให้มีกิจกรรมในช่วงกรีนซีซั่น เพิ่มมากขึ้น โดยได้รับความร่วมมือหลักจากกลุ่มศิลปิน “Art Village” หาดในหาน ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีศิลปินอยู่อาศัยและสร้างงานศิลปะหนาแน่นมากที่สุดในจังหวัดภูเก็ต




นอกจากนี้นักสร้างงานศิลปะแขนงอื่นๆในพื้นที่ยังประสานงานเข้าร่วมโครงการเช่นเดียวกัน สำหรับการจัดงานคาดว่าจะจัดขึ้น และกิจกรรมที่กำหนดจัดขึ้นนั้น จะเป็นการจำหน่ายสินค้าศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น ภาพเขียน งานปั้น งานสื่อผสม งานทำมือ เสื้อยืด โปสการ์ด ผ้าบาติก สินค้าพื้นเมืองท้องถิ่น ของที่ระลึกอื่นๆอย่างหลากหลาย รวมถึงการแสดง Performance Art, ตะลุง และการแสดงดนตรีจากกลุ่มศิลปินท้องถิ่นชาวในหาน อีกส่วนหนึ่งด้วย



#

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตร่วมกับบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัดจัด”เทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ต”


องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตร่วมกับบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัดจัด”เทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ต”ในวันที่ 27-29 สิงหาคมนี้ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต เพื่อปลุกกระแสรักการอ่าน สนองวาระการอ่านแห่งชาติ ของรัฐบาล
เมื่อเช้าวันที่ 27 สิงหาคมนี้ที่ห้องประชุมศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยผู้บริหารและนางสาวคิม จงสถิตย์วัฒนาผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด ร่วมกันเปิดงานเทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ตพร้อมกับมอบรางวัลสำหรับ นักเรียน นักศึกษาตลอดจนประชาชนทั่วไปที่เป็นนักอ่านดีเด่น ซึ่ง ห้องสมุดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้คัดเลือกและการจัดงานจะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 29 สิงหาคมนี้


นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองเปิดและเมืองท่องเที่ยวฉะนั้นเยาวชนชาวภูเก็ตจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพในอนาคตและหนังสือเป็นอาวุธที่สำคัญ ที่จะทำให้เยาวชนภูเก็ตเก่งและฉลาด และเพื่อตอบรับกับนโยบายวาระแห่งชาติของรัฐบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงจัดงานเทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ตขึ้นโดยร่วมมือกับ บริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด ที่เป็นบริษัทใหญ่ที่เชี่ยวชาญการจัดการกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และทำโครงการรักการอ่านมาอย่างต่อเนื่องกับโรงเรียนเกือบทั่วประเทศมายาวนาน จึงขอเชิญผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนชาวภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงานกันให้มากที่สุด เพื่อสร้างนิสัยรักการอ่าน ใฝ่รู้และใฝ่เรียนแก่เยาวชน และเพื่อให้ภูเก็ตเป็นสังคมที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ การจัดสัมมนาผู้บริหารและครู ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิมาบรรยายคือ อาจารย์สายพิณ นาประจุล ประธานชมรมห้องสมุดโรงเรียนเอกชน สังกัดสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ,อาจารย์ละเอียด ศรีวรนันท์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน รวมทั้งอาจารย์ศลิษา ชูศรี ผู้ชนะโครงการนานมีบุ๊ค รีดดิ้งคลับ ประจำปีที่ 8 ซึ่งมีส่วนกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้บริหารและครูที่รับผิดชอบงานห้องสมุด สามารถพัฒนาปรับปรุงห้องสมุดในสถานศึกษาที่รับผิดชอบ มีหนังสือที่ดีมีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน นักศึกษา

ทางด้านนางสาวคิม จงสถิตย์วัฒนาผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่าบริษัทจัดโครงการรักการอ่านมายาวนานถึง18ปีและจัดกิจกรรมมาแล้วทั่วประเทศและรู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตไว้วางใจให้มาจัดกิจกรรมและเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เยาวชนชาวภูเก็ตหันมาสนใจหนังสือและรักการอ่านมากขึ้น ดังนั้นในงานเทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ตครั้งนี้ จึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Best Practice ด้านส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้” ให้แก่ผู้บริหารโรงเรียน และครู


สำหรับนักเรียนจะจัดกิจกรรมสนุกๆ คือแรลลี่การอ่านที่เน้นการเรียนรู้ให้เกิดการปฏิบัติจริงต่อเนื่องในช่วงการจัดงานทั้3วันโดยแบ่งออกเป็น 6 สถานีคือสถานี Book Of The World ,สถานี รักการอ่านกับแก๊งการ์ตูน,สถานีวิทย์ คณิต Play And Learn,สถานี English ซ่า Chinese มัน ,สถานีห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษาอบจ.ภูเก็ตและสถานีรอบรู้รอบโลกด้วยวรรณกรรมสำหรับเยาวชน พร้อมพบหนังสือและสื่อการเรียนการสอนในราคาพิเศษสุดๆในรูปแบบของการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างโอกาสในการเข้า ถึงหนังสือดีให้แก่เยาวชนที่อยู่ต่างจังหวัดและเพื่อสร้างนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับเยาวชนไทยทั่วประเทศ


#

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บ้านซ้านถนนระนอง พร้อมเปิดให้บริการ 3 กันยายนนี้



พ่อค้า แม่ขาย 27 คูหาและ แผงลอย 425 ราย พร้อมเปิดจำหน่ายจ่ายแจกวันแรก วันที่ 5 กันยายน 2553นี้ บรรดาพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ อย่าลืมไปร่วมอุดหนุน สินค้าอุปโภค บริโภค ที่ตลาดสดสาธารณเทศบาลนครภูเก็ต 1 ที่สร้างแล้วเสร็จใหม่ๆ บริเวณถนนระนอง ตำบลตลาดใหญ่ มูลค่าการลงทุนทุกรูปแบบสูงถึงประมาณ 281 ล้านบาท
#

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เตรียมก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่


วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ตระบุว่าชาวเลมีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น ในโครงการก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่
ที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตหลังใหม่ เช้าวันที่ 19 สิงหาคมนี้นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการปฏิบัติงานระดับจับหวัดเพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ครั้งที่ 3/2553 โดยมีหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

นายทวิชาติ อินทรฤทธิ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสร้างศูนย์วัฒนธรรมชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ได้รับงบสำหรับการสร้างศูนย์มาแล้ว โดยเป็นงบเหลือจ่ายจากจังหวัดภูเก็ต ในปี 2553 จำนวน 2,100,000 บาท และเป็นงบไทยเข้มแข็งอีก จำนวน 4,838,200 บาท และกำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอสำนักงบประมาณ และถ้าหากได้รับการอนุมัติจะนำไปสมทบกับงบเหลือจ่ายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,938,200 บาท ที่สามารถสร้างศูนย์ได้เต็มรูปแบบตามแปลนที่กำหนด คือ 5,890,000 บาท ดังนั้นยังคงเหลืองบประมาณ เป็นเงิน 1,048,200 บาท สำนักงานโยธาธิการจังหวัดภูเก็ต ได้ออกแบบก่อสร้างรั้วรอบพื้นที่ศูนย์แล้ว

วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ ได้เร่งรัดให้ทางเทศบาลตำบลรัษฎา ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการเกี่ยวข้องทำโครงการนี้ร่วมกัน และในปี 2554 เทศบาลตำบลรัษฎาตั้งงบประมาณไว้อีกส่วนหนึ่ง ที่จะไปดำเนินการแต่ในขณะนี้ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้าง ได้ขอความอนุเคราะห์ให้เทศบาลไปปรับปรุงพื้นที่ให้สมบูรณ์ และเมื่อได้งบประมาณมาจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ในทันทีและคาดว่า ภายในเดือนสิงหาคมนี้น่าจะทราบผลว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เมื่อใด เพราะเมื่อดำเนินการแล้วต้องดำเนินการไปพร้อมๆ กันทั้งสองระยะ เพราะถ้าหากว่าทำส่วนใดส่วนหนึ่งไป ส่วนงบประมาณที่เหลือยังไม่มาจะไม่สมบูรณ์ ทำให้โครงการค้างคาหรือกลายเป็นโครงการที่รกร้างหรือทำอะไรได้ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากในปัจจุบันงบประมาณสมบูรณ์สามารถเสนอทีโออาร์และดำเนินการอีออกชั่นได้เลย

นอกจากนี้ศูนย์วัฒนธรรมชาวเลบ้านแหลมตุ๊กแกที่กำลังจะจัดขึ้น กลุ่มชาวเลมีส่วนร่วมในการก่อสร้างเพราะมีการทำประชาพิจารณ์ โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์รูปแบบต่างๆ เป็นความต้องการของพี่น้องชาวเล ว่ามีความต้องการอย่างไร ก่อนที่สำนักงานโยธาธิการจังหวัดภูเก็ต จะไปออกแบบ
#

ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมอดีต รปภ.โครงการหมู่บ้านประชาชื่นเพลส โจรกรรม ร้านจิวเวลรี่ออนเจมส์ กทม.

ตำรวจท่องเที่ยวกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สามารถจับกุมอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโครงการหมู่บ้านประชาชื่นเพลส กรุงเทพมหานคร ที่ก่อเหตุโจรกรรม ร้านจิวเวลรี่ออนเจมส์ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาแจ้งวัฒนะ

เมื่อเวลาประมาณเวลา 15.00 น.วันที่ 19 สิงหาคมนี้ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวพร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รองผู้กำกับการ และคณะร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายพิชิต โนคำ อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 13 ตำบลหัวนาคำ อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1619/2253 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม.2553 โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ซอย 11 หมู่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เมื่อเวลา 06.00 น.วันเดียวกันนี้

ทั้งนี้พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวว่านายพิชิต โนคำ ผู้ต้องหารายนี้ ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อยู่ที่ในโครงการหมู่บ้านประชาชื่นเพลส ถนนประชาชื่น เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร มีแฟนสาวชื่อ นางสาวปณิศรา สุวรรณชัย ทำงานอยู่ที่ร้านจิวเวลรี่ ซื่อร้านออนเจมส์ ตั้งอยู่ภายในห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาแจ้งวัฒนะ สำหรับร้านนี้นอกจากจำหน่ายแล้วยังรับซ่อมและรับจำนำเครื่องเพชร และมี นางสาวธัญญนภัส อภิพัฒน์วงศธร เป็นเจ้าของร้าน อย่างไรก็ดีเนื่องจากผู้ต้องหามักจะไปหาแฟนสาวที่ร้านเป็นประจำ จึงมีความสนิทสนมกับเจ้าของร้าน จนกระทั่งเมื่อประมาณ2เดือนที่ผ่านมา ผู้ต้องหามีปากเสียงหรือทะเลาะกับแฟนสาวเป็นเหตุให้แฟนสาวต้องลาออกจากงานที่ร้านจิวเวลรี่แล้วกลับไปอยู่บ้านเดิมที่ จังหวัดเลย ในขณะเดียวกันผู้ต้องหาได้ออกจากงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เช่นเดียวกันกันแต่ยังคงอาศัยอยู่ที่ทำงานเก่า

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมนี้เวลาประมาณ 06.13 น. นายพิชิต โนคำ ผู้ต้องหาได้เข้าไปที่ร้านจิวเวลรี่ ออนเจมส์ ซึ่งเป็นช่วงก่อนเวลาเปิดทำการ โดยอาศัยความคุ้นเคยกับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้าน โดยอ้างว่าเข้าไปซ่อมแซมระบบไฟฟ้าภายในร้านจิวเวอรี่ จากนั้นใช้ไขควงที่เตรียมมางัดลิ้นชักพร้อมกับ โจรกรรม เครื่องเพชร ทองรูปพรรณ และสิ่งของมีค่าต่างๆประมาณ 20 รายการ รวมมูลค่าประมาณ1 ล้านบาทและภายหลังจากที่ก่อคดีแล้ว ผู้ต้องหานำทรัพย์สินต่างๆที่โจรกรรมมาได้ไปขายและจำนำได้เงินมาทั้งสิ้นประมาณ 40,000บาทเศษ นำเงินไปใช้หนี้และใช้จ่ายจนหมด และในเวลาประมาณครึ่งเดือนได้หลบหนีลงมา กบดานที่ จังหวัดกระบี่ ที่มารดามาทำงานอยู่ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวได้

ผู้กำกับการ5กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวว่าจากการสอบปากคำเบื้องต้นนายพิชิต โนคำผู้ต้องหาให้การว่าก่อเหตุโจรกรรมเพราะมีหนี้สินและยืมเงินจากแฟนสาวจนมีปากเสียงและต้องนำรถจักร- ยานยนต์ไปจำนำเพื่อนำเงินมาใช้หนี้แต่ยังไม่หมดและหมุนเงินไม่ทัน รวมทั้งชอบเล่นพนันสนุ๊กเกอร์ต่อมา เจ้าของร้านจำนำยึดรถจักรยานยนต์จึงตัดสินใจโจรกรรมทรัพย์สินที่ร้านจิวเวลรี่ออนเจมส์ สำหรับในคดีนี้เป็นคดีที่ที่น่าสนใจของกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวเนื่องจากทรัพย์สินจำพวกเครื่องเพชรและทองรูปพรรณที่โจรกรรมไปส่วนหนึ่งเป็นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นำไปซ่อมที่ร้านจนทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเข้าแจ้งความร้องทุกข์และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวประสานมายังกองกำกับการ5กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ออกหาข่าวสืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุมนายพิชิต โนคำและพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ พร้อมเตรียมนำตัวเข้ากรุงเทพมหานครในเย็นวันนี้เพื่อติดตามสืบสวนสอบสวนยึดและอายัดทรัพย์สินที่ผู้ต้องหานำไปขายและจำนำต่อไป
#

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตร่วมกับบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัดกำหนดจัด”เทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ต”


องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตร่วมกับบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัดกำหนดจัด”เทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ต”ในวันที่ 27-29 สิงหาคมนี้ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต เพื่อปลุกกระแสรักการอ่าน สนองวาระการอ่านแห่งชาติ ของรัฐบาล

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองเปิดและเมืองท่องเที่ยวฉะนั้นเยาวชนชาวภูเก็ตจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพในอนาคตและหนังสือเป็นอาวุธที่สำคัญ ที่จะทำให้เยาวชนภูเก็ตเก่งและฉลาด และเพื่อตอบรับกับนโยบายวาระแห่งชาติของรัฐบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงจัดงานเทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ตขึ้นในระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคมนี้ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต โดยร่วมมือกับ บริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด ที่เป็นบริษัทใหญ่ที่เชี่ยวชาญการจัดการกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และทำโครงการรักการอ่านมาอย่างต่อเนื่องกับโรงเรียนเกือบทั่วประเทศมายาวนาน จึงขอเชิญผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนชาวภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงานกันให้มากที่สุด เพื่อสร้างนิสัยรักการอ่าน ใฝ่รู้และใฝ่เรียนแก่เยาวชน และเพื่อให้ภูเก็ตเป็นสังคมที่มีคุณภาพ

ทางด้านนางสาวคิม จงสถิตย์วัฒนาผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดบริษัทนานมีบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่าบริษัทจัดโครงการรักการอ่านมายาวนานถึง18ปีและจัดกิจกรรมมาแล้วทั่วประเทศและรู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตไว้วางใจให้มาจัดกิจกรรมและเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เยาวชนชาวภูเก็ตหันมาสนใจหนังสือและรักการอ่านมากขึ้น ดังนั้นในงานเทศกาลรักการอ่านและการเรียนรู้สู่ภูเก็ตครั้งนี้ จึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “Best Practice ด้านส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้” ให้แก่ผู้บริหารโรงเรียน และครูในวันศุกร์ที่27 สิงหาคมนี้โดยผู้บริหารโรงเรียนและครูที่สนใจสมัครร่วมอบรมฟรี สมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นางสาวกุสุมา มุ่งสวัสดิ์ โทรศัพท์ 02 662 3000ต่อ 4310หรือ www.Nanmeebooks.com

สำหรับนักเรียนจะจัดกิจกรรมสนุกๆ คือแรลลี่การอ่านที่เน้นการเรียนรู้ให้เกิดการปฏิบัติจริงต่อเนื่องในช่วงการจัดงานทั้ง 3 วัน พร้อมพบหนังสือและสื่อการเรียนการสอนในราคาพิเศษสุดๆเพื่อสร้างโอกาสในการเข้า ถึงหนังสือดีให้แก่เยาวชนที่อยู่ต่างจังหวัดและเพื่อสร้างนิสัยรักการอ่านให้เกิดขึ้นกับเยาวชนไทยทั่วประเทศ
#

ชาคร จรัสบุษราคัมชนะการประกวดภาพ แม่ลูกผูกพันด้วยภาพแม่ป้อนข้าวลูก


สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ตจัดโครงการประกวดภาพถ่ายดิจิตอลในหัวข้อเรื่อง"แม่ลูกผูกพัน"และชาคร จรัสบุษราคัม” ชนะการประกวดด้วยภาพแม่ป้อนข้าวลูก

นางจิรดา ดีชัยยะ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า เนื่องในมหามงคลวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ78 พรรษาในวันที่12สิงหาคม 2553ทางสถานีฯจัดโครงการประกวดภาพถ่ายดิจิตอลในหัวข้อเรื่อง"แม่ลูกผูกพัน"เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแสดงความจงรักภักดีถวายเป็นราชสักการะที่ทรงคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ในขณะเดียวกันร่วมเทิดพระ เกียรติพระองค์ท่านด้วยการปฏิบัติตามกระแสพระราชดำริ เกี่ยวกับการสร้างทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ คือ”ลูก ด้วยมือ “แม่” รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้แม่และลูกร่วมทำกิจกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่าการประกวดในครั้งนี้ปรากฏว่า มีผู้สนใจในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดใกล้เคียง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและชาวต่างประเทศที่สมรสกับผู้หญิงไทยและอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่อื่นๆในประเทศไทยบางส่วนรวมจำนวน 30 รายร่วมส่งภาพเข้าประกวดมากถึง 60 กว่าภาพ และล่าสุดทางคณะกรรมการตัดสินการประกวดภาพ“แม่ลูกผูกพัน“ที่ประกอบไปด้วยนายจีระ เอกวุฒิพงศ์ชัย บรรณาธิการฝ่ายเนื้อหานิตยสารภูเก็ตบูลเลทินนายวีระพงษ์ ไวทยวงศ์สกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตและนายชัยวุฒิ พวงสุวรรณ นักสื่อสารมวลชน ชำนาญการ สวท.ภูเก็ต

ทั้งนี้ทางคณะกรรมการตัดสินมีมติเป็นเอกฉันท์ พิจารณาคัดเลือกให้ ภาพบรรยากาศแม่ป้อนข้าวลูกของ“ ชาคร จรัสบุษราคัม” ชนะการประกวดหลังจากที่พยายามใช้วิจารณญาณอย่างเต็มที่ในการให้น้ำหนักคะแนน ทั้งเนื้อหาสาระ เรื่องราวและองค์ประกอบหรือศิลปะการถ่ายภาพ คือภาพที่ชนะการประกวดมีความโดดเด่นและเข้าหลักเกณฑ์ การประกวดทั้งหมด

สำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดจะได้รับรางวัลเป็นสร้อยคอไข่มุกภูเก็ตแท้ ขนาด 9 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นไข่มุกขาว น้ำสวย ร้อยด้วยไหมญี่ปุ่น พร้อมต่างหูไข่มุกลักษณะเดียวกันขนาด 9มิลลิเมตร ที่เข้าชุดกัน ส่วนตัวเรือนเป็นเงินแท้ 92.5 %รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทที่คุณชมพูนุช บุญโสภาพ และ พตท.จรัญ บุญโสภาพ สวป.สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเจ้าของกิจการPrima Pearlนำมาสนับสนุนโครงการให้สถานีวิทยุกระจาย เสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ตเพื่อมอบเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศโครงการประกวดภาพถ่ายดิจิตอล "แม่ลูกผูกพัน" ในขณะที่ ผู้ส่งภาพเข้าร่วมประกวด จะได้รับของที่ระลึก เป็นกระเป๋าผ้าและร่มทุกคนด้วย

#

Worship Khun Lert Poka Raksa Memorial




สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตประกอบพิธีทำบุญเสริมสิริมงคล บวงสรวงอนุสรณ์สถานขุนเลิศโภคารักษ์ ประจำปี 2553

เมื่อเช้าวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ที่บริเวณลานหน้าสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตนายวิบูลชัย ณ ระนอง พร้อมด้วยนางออตตาวา ณ ระนอง ,นางวิภาพรรณ คูสุวรรณ ,นายสมศักดิ์ คูสุวรรณและทายาทขุนเลิศโภคารักษ์ ร่วมประกอบพิธีทำบุญเสริมสิริมงคล บวงสรวงอนุสรณ์สถานขุนเลิศโภคารักษ์ ประจำปี 2553โดยมีนางสาวประภา กาหยี อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต,นายสมชาย สกุลทัพ รองอธิการบดีและนายสาวิตร พงศ์วัชร ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรมตลอดจนนางจรูญรัตน์ ตัณฑวณิชและคณาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักศึกษามาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก



ทั้งนี้สำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตประกอบพิธีทำบุญเสริมสิริมงคล บวงสรวงอนุสรณ์สถานขุนเลิศโภคารักษ์ เป็นประจำทุกปีประมาณกลางเดือนสิงหาคมโดยคณะทายาทของขุนเลิศโภคารักษ์ ร่วมประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษและวางพวงมาลัยดอกไม้สด พร้อมกับจุดธูปเทียนบูชาเผากระดาษเงิน กระดาษทอง อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับตามประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดภูเก็ต หลังจากนั้นเริ่มประกอบพิธีทางศาสนา บูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 5 รูปสวดเจริญพระพุทธมนต์ และถวายปัจจัยไทยธรรมเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีนักศึกษาโปรแกรมวิชาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ร่วมบรรเลงดนตรีไทยตลอดงาน




สำหรับขุนเลิศโภคารักษ์ มีนามเดิมว่านายตันเค่หลิ่มเกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2439 ที่ที่เมืองตั้งงั๊ว มณฑลฮกเกี้ยน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้ามาเมืองไทยในขณะที่มีอายุได้เพียง 19 ปีเท่านั้น และมีภรรยาคือนางโฮ่ย แซ่หลิม มีธิดา 1 คน คือ นางกาญจนา ณ ระนอง และนายเจริญ แซ่ตัน บุตรบุญธรรม จากประวัติความเป็นมา ทำงานรับจ้างแจวเรือลำเลียงกรรมการเรือขุด บริษัททุ่งคาฮาร์เบอร์ ติน เดรดยิ่ง จำกัดภูเก็ต หรือแม้แต่การรับเหมาทำไม้ฟืนส่งบริษัทนี้ มีฐานะยากจน และทางการเคยมอบหมายหน้าที่ให้เป็นนายท้ายเรือลำเลียงพ่วงตามเรือพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ฝ่ายตะวันตกและพระองค์ประทับแรม ที่จังหวัดภูเก็ตหลายวัน และในครั้งนั้นนายตันเค่หลิ่มได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนเลิศโภคารักษ์ โดยมีนามสกุลพระราชทานคือ “ตันบุญ”ควบคู่ไปกับแหนบ ปปร. พระราชทานและยังรับราชการเป็นกรมการพิเศษของเมืองภูเก็ต


ในช่วงชีวิตของ ขุนเลิศโภคารักษ์ เลือกประกอบอาชีพที่หลากหลาย ทั้งเป็นคนงานเหมืองแร่ดีบุก รับจ้างทำสวนผัก และสองสามีภรรยาเคยถึงขนาดเร่ร่อนอยู่ตามลำธาร รับจ้างแจวเรือลำเลียงและยกฐานะเป็นผู้เฝ้าเครื่องยนต์ ตลอดจนประกอบการเดินเรือโดยสารและขนส่งสินค้าในพื้นที่ระหว่างจังหวัดภูเก็ต พังงากระบี่และอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง หลังจากนั้นเริ่มทำเหมืองแล่นที่บนเขาอานม้า บ้านทุ่งทอง ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ ตลอดจน พรุผักลำ และที่ “ในดี” ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง แต่ไม่ได้ผล จนหันกลับไปประกอบการค้าและเดินเรือดังเดิม ประกอบกับเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือมหาสงครามเอเชียบูรพา การเดินเรืออยู่ในสภาพไม่ปลอดภัยจึงต้องทำงานอย่างหนักในช่วงนั้น



ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่2 ผู้จัดการบริษัททุ่งคาฮาร์เบอร์ ติน เดรดยิ่ง จำกัดภูเก็ตและกงสุลอังกฤษที่จังหวัดภูเก็ต ต้องอพยพจากภูเก็ต ได้ฝากเอกสารสำคัญของบริษัทไว้ที่ขุนเลิศโภคารักษ์ และไม่ยอมบอกที่ซ่อนของเอกสาร จึงถูกทหารญี่ปุ่นทรมาน เมื่อสงครามเลิก บริษัท จึงตอบแทนโดยให้ทำเหมืองสูบในที่ดินประทานบัตรของบริษัท ที่บ้านสะปำ ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ตประมาณ 200 ไร่ เพราะภายหลังสงครามประสบปัญหาการค้าตกต่ำ การหันไปประกอบการเหมืองแร่ดีบุกอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าโชคดีพบสายแร่ดีบุกจำนวนมหาศาลทำให้สามารถเปลี่ยนเครื่องจักรเก่าๆ มาเป็นเครื่องจักรใหม่ที่มีคุณภาพดี
ทั้งนี้การขยายงานเหมืองได้อย่างกว้างขวางถึง7-8 แห่งในเวลาเดียวกัน ทำให้ขุนเลิศโภคารักษ์สามารถสร้างฐานะขึ้นสู่ระดับที่มั่นคงภายในระยะเวลา10 ปีหรือจากปี2493-2502 โดยใช้บทเรียน ที่ผ่านมา ให้ระมัดระวังและกล้าตัดสินใจยิ่งขึ้นต่อมาขยายการทำเหมืองสูบไปที่บ้านสามกอง ตำบลรัษฎา และที่อำเภอร่อนพิบูลย์จังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย


อย่างไรก็ดีเมื่อประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วขุนเลิศโภคารักษ์ สนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆมากมายทั้งการสร้างห้องพยาบาล โรงพยาบาล โรงเรียน ห้องสมุดจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญบำเหน็จในพระองค์คือเหรียญรัตนาภรณ์ ชั้น 4 ในปี 2502 ตริตาภรณ์มงกุฏไทยเมื่อปี2510และเหรียญกาชาดสมนาคุณ เนื่องในโอกาสที่บริจาคเงินสร้างศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ 200,000 บาท รวมทั้งในปี 2514เป็นคหบดี ผู้บริจาคที่ดินจำนวน 273 ไร่ให้แก่วิทยาลัยครูภูเก็ตหรือมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตในปัจจุบัน และขุนเลิศโภคารักษ์ถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา ที่บ้านเลขที่ 56 ถนนถลาง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 23 มกราคมปีเดียวกัน รวมสิริอายุได้ 76 ปีและเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533 มีการวางศิลาฤกษ์ เพื่อก่อสร้างอนุสรณ์สถานขุนเลิศโภคารักษ์ เพื่อรำลึกถึงบุคคลสำคัญที่มีคุณูปการสำหรับสังคมภูเก็ต อยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตจนถึงปัจจุบัน


#