วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

รถยนต์ของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถประชาชนบริเวณสามแยกถนนเทพกระษัตรีตัดกับถนนบายพาส


เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น.วันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ร.ต.ท.จีระวัฒน์ อำนาจยิ่งเจริญ ร้อยเวรจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ของ พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุชนกับรถปิคอัพ บริเวณสามแยกถนนเทพกระษัตรี บ้านบางคู ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต ตัดกับถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดภูเก็ตหรือถนนสายอ้อมเมืองบายบาสจึงรีบรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบว่ารถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนส์เงิน หมายเลขทะเบียน ฌส-908 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์เก๋งส่วนตัวของ พล.ต.ต.พิกัดและพบว่าสภาพด้านหน้าพังยับเยิน ถุงลมนิรมัยด้านหน้าคนขับแตกทั้งสองใบ ใกล้กันมีรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ สีขาวป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ก-9515 ภูเก็ต สภาพรถเสียหายเล็กน้อยคอนโทรลด้านด้านหลุด

จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์เก๋งคันที่ประสบเหตุเป็นรถยนต์ส่วนตัวของพล.ต.ต.พิกัด ที่นั่งอยู่เบาะด้านหลัง มี ร.ต.อ.ฐาปกรณ์ ทุมมาศ นายเวร นั่งอยู่ด้านหน้าติดกับคนขับ โดยรถยนต์ที่นั่งมา มุ่งหน้าจากตัวเมืองไปตามถนนเทพกระษัตรีเพื่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และต้องการเดินทางไปต้อนรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกสภาผู้แทนของพรรคบางส่วนที่มีกำหนดเดินทางไปร่วมการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้นที่โรงแรมเมอร์ลินบีช โดยใน ระหว่างที่รถยนต์ของ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตแล่นมาถึงบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ที่เป็นสามแยก ได้มีรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ ที่มีนายภักดี ธนกุล อายุ 37 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง แล่นมาจากอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร มุ่งหน้าเข้าเมืองเมื่อมาถึงสามแยกได้เลี้ยวขวาเพื่อตัดเข้าถนนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุให้รถยนต์ของผู้บังคับการที่แล่นตรงมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตพุ่งชนเข้าอย่างจัง และพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ได้รับบาดเจ็บถูนำตัวส่งโรงพยาบาลสิริโรจน์ จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้แพทย์รับตัวพล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์เพื่อทำการรักษาเนื่องจากพบว่าบริเวณที่ข้อเข่าด้านซ้ายเคลื่อนต้องฉีดยาสลบแล้วทำการผ่าตัดและเข้าเฝือก และให้พักฟื้นที่ชั้นที่6 ห้อง 3618 โดยมีบรรดาญาติๆ ข้าราชการและประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางไปเยี่ยมไม่ขาดสาย โดยแพทย์เจ้าของไข้ระบุว่าอาการนอกจากที่ข้อเข่าซ้ายทุกอย่างปกติ สมองไม่ได้รับการกระเทือน คนไข้มีสติคาดว่าคงใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาล3-4 วันสามารถกลับบ้านได้

ทางด้าน พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สอบปากคำนายภักดีไว้แล้ว โดยไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใด และเจ้าตัวยอมรับว่าผิดจริง เบื้องต้นตั้งข้อหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บไว้ก่อน เพื่อรอดูอาการ ผู้บังคับการก่อนว่าสาหัสหรือไม่ อย่างไร และคาดว่าทาง พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ไม่ติดใจเอาความคู่กรณีแต่อย่างใด
#

รัฐบาลนี้ไม่มีอะไรเลยที่จะไปมีประโยชน์อื่นนอกจากการที่จะปกป้องประโยชน์ของประเทศ ปกป้องอธิปไตย


นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตราบเท่าที่การจัดทำหลักเขตแดนยังไม่ชัดเจน และพื้นที่ที่มีปัญหาต้องไม่มีการเข้าไปเปลี่ยนสภาพต่างๆในพื้นที่จริง เมื่อมีการกระทำที่ขัดต่อเรื่องนี้ ทางฝ่ายไทยได้มีการประท้วงไปแล้ว แต่ว่าคงจะต้องทำให้เข้มข้นมากขึ้นส่วนในเรื่องของมรดกโลก เราก็ต้องยืนว่า ว่า วัตถุประสงค์จริงๆ ถ้าเราต้องการจะให้ประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกคือต้องการคุณค่าทางวัฒนธรรมได้รับการอนุรักษ์พร้อมๆไปกับการที่ประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถที่จะไปเยี่ยมชมอะไรได้ ซึ่งการบริหารจัดการแผนนั้น ตราบเท่าที่สภาพพื้นที่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องของการจัดทำเขตแดน ก็ต้องรอตรงนั้นพร้อมๆกันไปต้องย้ำกันให้ชัดว่า การไปดำเนินการอะไร ที่ไม่คำนึงถึงความละเอียดอ่อน มีแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้นหรือเป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของมรดกโลก

ต่อข้อถามที่ว่า คณะกรรมการมรดกโลก มีส่วนคลี่คลายปัญหา ควรจะทำอย่างไรนั้น ในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนคิดว่า ต้องยอมรับในหลักที่ ความจริง ทางการกัมพูชาก็ยอมรับแล้ว ว่า ต้องมีการจัดทำหรือปักเขตแดนให้ได้ตามข้อตกลงให้ได้เสียก่อน และการที่ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ในนามของประเทศเดียว เป็นปัญหาพื้นฐานและทางเลือกที่เราคิดว่า ง่ายที่สุดคือ เปลี่ยนให้เรื่องนี้ เป็นการขึ้นทะเบียนร่วมทั้งสองประเทศเสีย จะได้บริหารจัดการกันด้วยความสบายใจ และการจัดทำหลักเขตแดน ต้องเป็นเรื่องซึ่งว่ากันไปตามข้อตกลงที่มีอยู่ สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ร่วมนั้น ทางฝ่ายไทยได้แสดงจุดยืนไปแล้วแต่เวลานี้อยู่ที่ท่าทีของคณะกรรมการเอง ว่า เขาจะยอมรับตรงนี้ไหม หรือว่า กัมพูชาจะยอมรับความเป็นจริงได้หรือไม่ว่าทางเดินที่ดีที่สุด ราบรื่นที่สุด จะไปทางไหน

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ จะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะท่าทีของทางการกัมพูชาล่าสุด เรื่องนี้เห็นว่าการเลื่อนการพิจารณาแผนการบริหารออกไปช่วยลดความตึงเครียด ถ้ามีการพิจารณากันต่อไป จะมีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีเวลาประมาณ 1ปีในการดำเนินการและท่าทีของฝ่ายไทยเรา ต้องทำงานในส่วนของเรา และสิ่งที่ตนเองอยากเห็นการเปลี่ยนไปในท่าทีของกัมพูชา คือว่าควรจะเลิกคิดว่า ไปทำสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะไปร่วมกับชาติไหนก็ตาม แล้วจะสามารถเดินไปได้ โดยไม่มาฟังความเห็นจากฝ่ายไทย และคิดว่า จะใช้ตัวเอง เป็นการรุกคืบเข้ามา ซึ่งเป็นการกระทบกระเทือนในความขัดแย้งที่มีอยู่ หากกัมพูชาทบทวนตรงนี้ และเห็นว่าสามารถมาร่วมมือกับไทยได้ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี

“ผมคิดว่าในเรื่องของความได้เปรียบ เสียเปรียบนั้น ความเสียเปรียบหลักมันเกิดขึ้นเมื่อปี 2551วันที่มีแถลงการณ์ร่วมหรือ นายนพดล ปัทมะ ไปประชุม และตรงนั้นก็รับเข้าไป และหลังจากนั้นมาก็จะเห็นปีที่แล้วและในปีนี้ เมื่อเราเข้มแข็งพอสมควร การชี้ให้เห็นถึงสภาพปัญหา ก็เห็นได้ว่า ทางกรรมการมรดกโลกต้องฟังเรา เพราะฉะนั้น มันอยู่ที่ตัวเราด้วย และหวังว่า ทางกัมพูชาคงจะเริ่มมองเห็นและยอมรับมากขึ้น สำหรับการล้อบบี้คณะกรรมการมรดกโลกนั้น จริงๆ เราก็พยายามทำอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าไปทำงานช่วง 2-3นี้ ก่อนหน้านี้ มีการส่งรัฐมนตรี คณะต่างๆ ไปทำความเข้าใจและผมเอง ทำความเข้าใจทุกโอกาสที่ได้พูดคุยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับองค์กร UN หรือมรดกโลกอยู่แล้วและในเวลา 1ปีนี้ จะต้องเดินหน้าทำความเข้าใจและคิดว่าพี่น้องประชาชนคนไทย ที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญในการแสดงออกให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของปัญหาที่กระทบกระเทือนกับความรู้สึกของคนไทย ถ้าแสดงออกอย่างต่อเนื่องในแง่ของให้เขารับรู้ถึงปัญหาที่เรามี ก็จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วย “นายอภิสิทธิ์กล่าว


สำหรับในเรื่องของ MOU ปี 2543 ข้อแรกบอกไปแล้วว่าตนเข้าใจ บางครั้งการตีความ ในความเข้าใจอาจจะแตกต่างกันแต่จริงๆ ดีที่สุด ไม่ควรจะมาทะเลาะกันเองและรัฐบาลนี้ไม่มีอะไรเลยที่จะไปมีประโยชน์อื่นนอกจากการที่จะปกป้องประโยชน์ของประเทศ ปกป้องอธิปไตย ส่วนความเห็นที่แตกต่างกัน หากMOU มีการยกเลิกไปก่อนหน้านี้นั่นหมายถึง เขมรใช้แผนที่ ที่ฝ่ายเรียกร้องให้ยกเลิก MOUกลัวใช้ในมรดกโลกไปได้แล้ว แต่เวลานี้ ทางเขมร ยอมรับแล้ว ว่าใช้ไม่ได้ เขาติดในกระบวนการของ MOU ดังนั้นจึงต้องใช้ MOU ให้เป็นประโยชน์ เมิ่อเป็นอย่างนี้แล้ว ไม่อยากให้ไปกล่าวหากัน ความคิดอาจจะต่างกัน แต่ร่วมกันทำงานในการจะปกป้องประโยชน์ประเทศ

นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บรรยากาศ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในเวลานี้ คิดว่า ก่อนหน้าที่จะมีมติของคณะกรรมการมรดกโลก ทั้งสองฝ่ายก็คงกังวลกับสถานการณ์ และมีการเตรียมความพร้อมทั้งสองด้าน แต่ขณะนี้อาจจะคลายลงบ้าง แต่เราไม่ได้วางใจ และเรื่องที่จะต้องไปดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตาม MOU เป็นเรื่องที่ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กำลังจะไปปรึกษากับกระทรวงกลาโหม ส่วนกรณีที่กัมพูชา มีการจัดตั้งชุมชนในพื้นที่นั้น เราจะต้องแจ้งกัมพูชาไปอีกครั้งหนึ่ง โดยสองกระทรวงของไทย ที่ต้องประสานสอดคล้องกัน ในท่าทีของด้านต่างๆ ส่วนการผลักดัน ประชาชน ในชุมชนนั้น อย่าไปพูดอะไรล่วงหน้า เราไม่ต้องการให้บรรยากาศตึงเครียด แต่ว่า เราจะรักษาผลประโยชน์ของเรา และทุกกระทรวงต้องเดินไปในแนวทางเดียวกัน

ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าว สอบถามเกี่ยวกับ กรณี การพบหัวระเบิด ในทำเนียบรัฐบาล เรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “ ยังไม่ทราบ”
#

นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาล จะพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับประสาทพระวิหารอย่างละเอียดถี่ถ้วน





นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลเกี่ยวกับกรณีประสาทพระวิหารว่า แนวทางมีหลายส่วนประกอบกัน ส่วนแรก จะเอาบรรดาเอกสารที่ทางกัมพูชาไปยื่นที่คณะกรรมการมรดกโลกเอาไว้มาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อที่จะดูว่าข้อเสนอทั้งหมด จะมากระทบกระเทือนประเทศไทยโดยเฉพาะเรื่องของแผ่นดินหรืออธิปไตยของไทยยังไง ซึ่ง ถ้ามีเวลาประมาณ 1 ปี จะทำให้มีความพร้อมในการที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการฯ ว่าแผนตรงนี้ มันจะเป็นปัญหากับไทยหรือไม่อย่างไร หน่วยงานตรงนี้จะต้องดูในแง่ของ กฎระเบียบของมรดกโลก ที่กระทรวงวัฒนธรรมคงจะดูแล ในแง่ประเด็นแง่ของกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศด้วย กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องดูแลด้วย ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ที่เราดูในเบื้องต้นเมื่อเห็นได้ชัดว่า ทางกัมพูชาเองก็ยอมรับ ว่าการที่จะไปใช้แผนที่อะไร ยังจะต้องติดขัด กับการที่มี MOU ในปี 2543อยู่ก็ต้องใช้MOU นี้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะบทที่เกี่ยวข้องกับการที่ไม่เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ เรื่องนี้มอบกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมจะไปปรึกษากันและจะเริ่มตั้งแต่ในสัปดาห์หน้า ในการกำหนดแนวทาง

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าในระยะ1ปีนี้หากการเจรจาปักปันเขตแดนไม่เป็นผลที่ประชุมคณะกรรม การมรดกโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะเป็นเช่นไรนั้นคงต้องไปดูอีกทีหนึ่ง ว่า ในขณะนั้น ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรแต่อย่างน้อยที่สุด ปีนี้ เมื่อทางคณะกรรมการมรดกโลกยังไม่ได้รับทราบหรือเห็นชอบกับแผนการบริหาร การเข้ามาดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนนี้ไม่น่าจะทำได้ ส่วนการเดินตามกรอบMOU มีอยู่หลายปัจจัยและกระบวนการภายในของไทย ต้องมีการผ่านที่ประชุมสภา คงจะต้องไปดูตามความเป็นจริง ส่วนกรณีที่ นายซกอาน กัมพูชา ออกมาพูดเหมือนกับว่า ไทยไปยอมรับโดยการเซ็นของนายสุวิทย์ คุณกิตติและกรรมการมรดกโลกรับแผนไปแล้วนั้น เรื่องนี้ต้องไปดูว่าถ้อยคำที่ใช้ในมติ เขาจะระมัดระวังมาก ไม่ใช้คำว่า รับทราบหรืออะไร แต่เป็นการรับทราบการยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลก ที่ ยังไม่มีการพิจารณามติข้อสุดท้ายที่ว่า ต้องไปว่ากันในปี 2554 ทั้งนี้ฝ่ายไทยเวลานี้ไม่มีอะไรที่ไปยอมรับในเนื้อหาสาระ เพราะถือว่า ยังไม่มีการการพิจารณา แต่ทางการไทยยืนยันอยู่ว่าในแง่ของเขตแดนเรายึดถือสนธิสัญญาที่พูดถึงสันปันน้ำและMOU เป็นวิธีการที่จะได้ข้อยุติ ที่จะมีเอกสารอื่นๆประกอบด้านไหนบ้าง ก็ว่าไปตามกระบวนการ
#

พรรคประชาธิปัตย์จัดสัมมนารวมพลังแก้ไขวิกฤตชาติที่จังหวัดภูเก็ต







เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ที่ห้องประชุมโรงแรมเมอร์ลิน บีช รีสอร์ท ตำบลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดการการสัมมนากรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรี เรื่อง รวมพลังแก้ไขวิกฤตชาติ และการมอบนโยบายของนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคฯ ซึ่งในโอกาสเดียวกันนี้ยังได้มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนพื้นฐานความปรองดอง โดยนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม การบรรยายพิเศษ เรื่อง ขยายเครือข่ายสร้างประเทศไทยเข้มแข็ง โดยนายชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การสัมมนาวันนี้เป็นการดำเนินการตามปกติของพรรคที่ต้องทำความเข้าใจ และวางแนวทางการทำงาน ก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นำเรื่องความปรองดองและการปฏิรูป มาเป็นประเด็นหลักในการสัมมนาด้วย ทั้งนี้ขอความร่วมมือ ส.ส. ให้เชื่อฟังคณะทำงานต่อสู้คดียุบพรรคทั้ง 2 คดี และระมัดระวังการแสดงความเห็นที่อาจกระทบต่อการสู้คดีและกระทบทางการเมืองพร้อมขอให้ ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาฯ อย่างพร้อมเพรียงเพื่อป้องกันปัญหาสภาล่มซ้ำซาก เพราะมีกฎหมายที่สำคัญอีกหลายฉบับที่ต้องพิจารณา เช่น พ.ร.บ.งบประมาณปี 2554 / กฎหมายการกระจายอำนาจ และกฎหมายภาษีที่ดิน โดยหากภายในสิ้นปีนี้ กฎหมายไม่ผ่านการพิจารณา ก็เท่ากับว่านโยบายต่างๆของรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จ

พร้อมกันนี้ขอเน้นย้ำถึงความเป็นเอกภาพในการทำงานโดยเฉพาะในเรื่องของกฎหมายงบประมาณ เพราะมี ส.ว.บางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลในทุกเรื่อง ซึ่งแนวทางการทำงานลักษณะนี้เริ่มเข้มแข็งมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องอาศัยเสียงของฝ่ายรัฐบาลเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันหลังจากผ่านวิกฤตบ้านเมืองมา ยังมีคนบางกลุ่มเคลื่อนไหวและมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น จึงต้องตั้งหลักการทำงานภายใต้สถานการณ์แบบนี้ไปอีกระยะ โดยมุ่งที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาปราสาทพระวิหาร ให้กับ ส.ส. ที่เข้าร่วมสัมมนาด้วย โดยย้ำว่า กรณีเอ็มโอยูปี 2543 ที่หลายฝ่ายอยากให้ยกเลิกนั้น แท้จริงไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นเอ็มโอยูที่ 2 ประเทศทำร่วมกัน หากไม่มีเอกสารนี้ กัมพูชาก็จะสามารถยื่นแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารได้ ทั้งนี้ยืนยันรัฐบาลจะรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่
#

From Coastal Resource Management to Highland Buildings In Phuket

กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านกู้กูและเครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่ง จ.ภูเก็ตยื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรีเพื่อให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดิน

เช้าวันที่31 กรกฎาคมนี้ที่บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชายเลยบ้านกู้กู ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และเครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่ง จังหวัดภูเก็ตเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาร่วมประชุมพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้เร่งรัดกรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของนายทุนที่ออกในพื้นที่ป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ หมู่ 3 บ้านกู้กู ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตรวมทั้งเรียกร้องให้สั่งการให้กรมธนารักษ์เพิกถอนที่ดินราชพัสดุทับพื้นที่สุสาน หรือที่ฝังศพมอแกน หมู่ 5 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และขอให้กำกับและแก้ไขปัญหาการมีสิ่งปลูกสร้างที่พักอาศัยบนภูเขา

ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า ชุมชนอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านกู้กู หมู่ที่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นชุมชนที่มีการคัดค้านการบุกรุก ทำลาย เปลี่ยนแปลงสภาพป่าชายเลนซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ คลองบางชีเหล้า – ท่าจีน จากนายทุนเพื่อให้พื้นที่ป่าชายเลนกลับมาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ปัจจุบันปัญหาการบุกรุกที่ดินของนายทุนบริเวณดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขแม้ว่าจะมีการร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแล้วก็ตาม ทั้งที่หน่วยงานต่างๆออกมายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชายเลนจริงไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ใดๆได้ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์แต่อย่างใด จึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการเพิกถอนที่ดินแปลงที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าวโดยด่วน แต่หากท่านไม่เห็นความสำคัญในปัญหาดังกล่าว ชาวชุมชนบ้านกู้กูและเครือข่ายภาคประชาชนที่มีแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงาและจังหวัดอื่นๆในภาคใต้จะออกมาต่อสู้มิให้ผู้ใดมาครอบครองที่ดินป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติดังกล่าวไม่ว่าจะมีการใช้อำนาจรัฐในทางมิชอบในรูปแบบใดก็ตาม

นอกจากนั้นตัวแทนชุมชนมอแกนบ้านแหลมหลา – บ้านเหนือ บ้านหินลูกเดียว บ้านท่าฉัตรไชย ได้ยื่นหนังสือให้รัฐบาลสั่งการให้กรมธนารักษ์เพิกถอนที่ดินราชพัสดุทับพื้นที่สุสานที่ฝังศพ ชาวมอแกน หมู่ 5 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 29-3-54ไร่ และให้ขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ป่าช้าตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตรงกับความเห็นของนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

ขณะที่เครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งจ.ภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือให้รัฐบาลมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมและป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ กรณีปัญหาการมีสิ่งปลูกสร้างที่พักอาศัยบนภูเขา และลงโทษทางวินัยต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยปละละเลยการปฏิบัติหน้าที่และไม่บังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์และเป็นธรรม นอกจากนี้ตัวแทนชาวบ้านยังได้ร้องเรียนว่าปัญหาการบุกรุกป่าไม้ที่จังหวัดพังงาได้มีการใช้อำนาจอิทธิพลของเจ้าหน้าที่รัฐไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น กรณีผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเกาะยาว ที่เป็นญาติกับกลุ่มทุนที่ฟ้องร้องดำเนินคดีชาวบ้านที่ออกมาปกป้องทรัพยากร นอกจากนี้ยังมีอัยการคดีพิเศษคนจังหวัดพังงาที่คอยวิ่งเต้นเพื่อล้มคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษฟ้องร้องนายทุนที่ครอบครองพื้นที่ป่าโดยมิชอบ เป็นต้น

นอกจากนี้กลุ่มสหภาพแรงงานเครือโรงแรมเชอราตันแกรนด์ลากูน่าภูเก็ต ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีพนักงาน 57 คน ถูกเลิกจ้างและตำรวจดำเนินคดี 5 ข้อหา โดยขอให้กลับเข้าทำงานและรับค่าทดแทนเลิกจ้างอย่างเป็นธรรมและกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตลาดสดเทศบาลนครภูเก็ตได้ยื่นหนังสือ ระบุว่าขอให้ดูแลเรื่องการจัดเก็บค่าเช่าแผงและค่าเซ้งที่แพงเกินควร รวมถึงการก่อสร้างไม่มีมาตรฐาน ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องไว้ และกล่าวว่า กรณีของที่ดินบ้านกู้กูนั้นได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบและแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ได้รับเรื่องไว้และจะสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
#

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สื่อมวลชนยุคใหม่ ร่วมใจลดวิกฤติโลกร้อน












สำนักประชาสัมพันธ์เขต 5 สุราษฎร์ธานี กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือปตท.สผ.จัดการสัมมนาเรื่อง “ สื่อมวลชนยุคใหม่ ร่วมใจลดวิกฤติโลกร้อน” ที่โรงแรมขนอมโกลเด้นบีช อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ในระหว่างวันที่ 21-23 กรกฎาคมนี้โดยมีหม่อมหลวงสิทธิไชย ไชยันต์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายกิจการสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)เป็นประธานเปิดการสัมมนา และนายพลากร บุญประคอง นายอำเภอขนอมกล่าวต้อนรับ ในนามของผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนผู้เข้าร่วมการสัมมนาประกอบไปด้วยผู้บริหาร ผู้สื่อข่าว นักจัดรายการ สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สื่อบุคคลและสื่ออื่นๆในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนบน คือจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง กระบี่ พังงาและจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 75 คน

นางพิชญา เมืองเนาว์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 5 กล่าวว่าการสัมมนามีเป้าหมายเพื่อประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิกฤติโลกร้อนและผลกะทบ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติโลกร้อนไปสู่ประชาชนผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อนำความรู้และข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากการสัมมนา ไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ขยายผลสู่ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบและยังเป็นการสร้างเครือข่ายในการรณรงค์เพื่อลดวิกฤตโลกร้อนและการจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับรูปแบบการสัมมนาประกอบไปด้วยการบรรยายในหัวข้อ”กระบวนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม”และนางมัลลิกา เจริญสุธาสินี พร้อมด้วยนายกฤษณะเดช เจริญสุธาสินี อาจารย์ประจำสาขาวิชา วิทยาศาสตร์เชิงคำนวณ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วยนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกร่วมบรรยายในหัวข้อเรื่อง”ปะการังฟอกขาวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ 2010 “นอกจากนี้มีการแบ่งผู้เข้าร่วมการสัมมนาให้เป็นกลุ่มสีฟ้า ,เขียว ,เหลืองและสีชมพู เพื่อร่วมกิจกรรม Walk Rally การแลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งแวดล้อมกับวิกฤติโลกร้อน โดยนายสุรชัย โคตรมี วิทยากรจากบริษัทรักษ์โลกสมาย จำกัดและคณะ โดยผลัดเปลี่ยนทำกิจกรรมผ่านสถานีต่างๆคือ สถานีคัดแยกขยะ ,พลังงานเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ รวมทั้ง ปัญหาและสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและแนวทางลดและแก้ไขและสถานีน้ำประปาและการใช้น้ำอุปโภค บริโภคอย่างประหยัดและได้ประโยชน์สูงสุด

ในขณะที่นายธีระพงษ์ โสดาศรี รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ บรรยายเกี่ยวกับ” ความสำคัญของเครือข่ายประชาสัมพันธ์และ”กลยุทธ์การสร้างเครือข่ายการประชาสัมพันธ์” ส่วนนางสาวพิสมัย เสถียรยานนท์ จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานบรรยายในหัวข้อเรื่อง”พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน และผู้ช่วยศาสตราจารย์จิรพล สินธุนาวา จากคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บรรยายเรื่อง”วิกฤตโลกร้อนและผลกระทบ” พร้อมกันนี้กลุ่มสีทั้งหมดร่วมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับ โครงการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียม ของบริษัท ปตท.สผ. สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหา ในมิติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครองในพื้นที่โครงการ รวมทั้งการศึกษาดูงานโรงแยกก๊าซขนอมของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)อีกส่วนหนึ่งด้วย
#

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภูเก็ตพร้อมจัดงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มประจำปี 2553 ครั้งที่ 27











ภูเก็ตพร้อมจัดงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มประจำปี 2553 ครั้งที่ 27หรือFood and Beverage Show 2010 ในระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม - 1 สิงหาคมนี้ที่โฮมเวิร์คส ภูเก็ต
นายศักดา วารีพร ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ รีสอร์ทภูเก็ต และประธานชมรมผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มอันดามัน กล่าวว่าทางชมรมผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มอันดามัน ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้, ชมรมพ่อครัวใหญ่ จ. ภูเก็ต, ชมรมผู้บริหารงานแม่บ้าน ภูเก็ต, กระบี่, พังงา, สมาพันธ์สมาคมชมรมนักบริหารงานอาหารและเครื่องดื่มแห่ง ประเทศไทยโดยการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต, เทศบาลนครภูเก็ตและผู้ประกอบธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องพร้อมจัดงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มประจำปี 2553 ครั้งที่ 27หรือFood and Beverage Show 2010 ในระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม - 1 สิงหาคมนี้ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ฝั่งโฮมเวิร์คส ภูเก็ต

ประธานชมรมผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มอันดามัน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจที่ต่อเนื่อง ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดขึ้นมาเป็นเวลานานถึง27 ปีแล้วเพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมบุคลากรฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในเมืองท่องเที่ยวนานาชาติ มีโอกาสนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน พัฒนาและยกระดับ ฝีมือ ความรู้และความสามารถโดยการประกวดหรือแข่งขันรวมทั้งเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ นอกจากนี้ นักเรียน นักศึกษาที่กำลังจะเข้าสู่วงการวิชาชีพนี้ สามารถศึกษาเรียนรู้จากผู้ประกอบการมืออาชีพ ในขณะเดียวกัน ยังจัดนิทรรศการและออกร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม และสามารถที่จะเจรจาซื้อขาย สินค้าได้โดยตรงอีกส่วนหนึ่ง

สำหรับการจัดการแข่งขันและกิจกรรม ภานในงานมหกรรมอาหารและเครื่องดื่มประจำปี 2553 ครั้งที่ 27ที่น่าสนใจประกอบไปด้วยการแข่งขันผสมเครื่องดื่ม ชิงแชมป์ภาคใต้ มือสมัครเล่น ประเภท Classic การแข่งขันผสมเครื่องดื่ม ชิงแชมป์ภาคใต้ มืออาชีพ ประเภท Classic การแข่งขันการประกวด “Fried noodle dance” มือสมัครเล่นการแข่งขัน แกะสลักผักและผลไม้ Andaman set menu และ Theme Cocktail set up การแข่งขันพับผ้าขนหนู Fancy ประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ และประเภทรวดเร็ว

นอกจากนี้ มีการแข่งขัน Aroma Coffee Frappe Contest การแข่งขัน ETE fancy Ice cream Creation การประกวดการจัดอาหารญี่ปุ่น ประเภท Sushi การประกวดการจัดอาหารว่าง ประเภท Canapé รวมทั้งการแข่งขันการแกะสลักน้ำแข็ง การจัดฝึกอบรมพนักงานบริการไวน์ ระดับมืออาชีพ ภาษาอังกฤษ ตลอดจนการบรรยายพิเศษ ทางด้านอาหารและเครื่องดื่ม การจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการบริการในธุรกิจของโรงแรม / / / / /

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะออกเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยในโครงการภูเก็ตแคร์ ในพื้นที่ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง



นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายสวัสดิ์ มัจฉาเวช สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต อำเภอถลาง เขต 3 นายจิรศักดิ์ ท่อทิพย์ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเจ้าหน้าที่จากสำนัก งานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต คณะพยาบาล คณะอาสาสมัครสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันออกเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้าน ประจำปี 2553 ในเขตตำบลป่าคลอกอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

สำหรับภารกิจการดำเนินการในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานตามนโยบายด้านการดูแลสวัสดิภาพ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกเพศทุกวัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหรือโครงการภูเก็ตแคร์ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และมีมาตรฐานทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และที่ผ่านมาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ออกพื้นที่เพื่อเยี่ยมผู้ป่วยในพื้นที่ต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ตำบลตลาดใหญ่ ตลาดเหนือ ราไวย์ รวมถึงตำบลป่าคลอก อันจะสานรับกับการทำบ้านให้เป็นโรงพยาบาล 10,000 เตียง ที่ผู้ป่วยสามารถรอรับการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวก และปลอดภัย

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าการลงงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเยี่ยมผู้ป่วยที่อยู่ในโครงการภูเก็ตแคร์ ที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตดำเนินการโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อเข้ามาดูพี่น้องประชาชนในจังหวัดภูเก็ตที่เป็นผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้โดยมีทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขเข้ามาดูแล สำหรับโครงการนี้จะทำให้ได้เห็นถึงความสำคัญของการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน มีการติดตามความคืบหน้าอาการและให้กำลังใจแก่พี่น้องประชาชนที่เป็นผู้ป่วยรวมทั้งผู้ที่ดูแลอีกด้วยการออกพื้นที่ในครั้งนี้นอกจากการออกเยี่ยมผู้ป่วยเรื้อรังและผู้พิการที่บ้านแล้วยังได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ พร้อมของเยี่ยม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นไปมอบให้แก่ผู้ป่วยอีกด้วย
#

เทศบาลตำบลรัษฎาจัดโครงการฝึกอบรมให้ความรู้สมาชิกอปพร.และลูกเสือชาวบ้านประจำปี 2553


เช้าวันที่ 16 กรกฎาคมนี้นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมให้ความรู้สมาชิก อปพร.และลูกเสือชาวบ้าน ประจำปี2553 ที่กำหนดจัดขึ้นต่อเนื่องจนถึงวันที่18 กรกฎาคมที่ฐานทัพเรือพังงา บ้านทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาโดยมีโดยมีกลุ่มเป้าหมาย เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและลูกเสือชาวบ้าน ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตเทศบาลตำบลรัษฎาเข้าร่วมอบรมจำนวน 55 คน


นายเชาวเลิศ จิตต์จำนง รองนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎากล่าวว่าโครงการฝึกอบรมให้ความรู้สมาชิกอปพร ลูกเสือชาวบ้านในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้สมาชิกอปพร. ลูกเสือชาวบ้านเนื่องด้วยในปัจจุบัน สถานการณ์สาธารณภัยมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและของรัฐเป็นจำนวนมาก ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเตรียมการในด้านต่าง ๆ ไว้ให้พร้อมตั้งแต่ยามปกติ เช่น แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แผนเฉพาะกิจสาธารณภัยแต่ละประเภท เครื่องมือ เครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และโดยเฉพาะอัตรากำลังคน


ทั้งนี้การใช้กำลังของ พนักงานและเจ้าหน้าที่ของภาครัฐอย่างเดียว คงไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องอาศัยกำลังภาคประชาชนเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือ และกำลังภาคประชาชนที่มีความรู้ ความสามารถเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ดี คือสมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน นอกจากนี้เทศบาลตำบลรัษฎาได้ตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญถึงภยันตรายหรือความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและของรัฐ อันเนื่องมาจากสาธารณภัย ประกอบกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้มีการเพิ่มจำนวนสมาชิกอปพร.ให้ได้ร้อยละ 2 ของจำนวนประชากรในพื้นที่

#

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภูเก็ตเนวีลีกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกัน วันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ที่จังหวัดภูเก็ต
















เมื่อเวลาประมาณ 14.00น.วันที่ 4 กรกฎาคมนี้ ที่ เฮดสตาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนลสคู ถนนวิชิตสงคราม ตำบลวิชิต อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต คณะกรรมการของภูเก็ตเนวีลีก(Phuket Navy League)ร่วมกับนักธุรกิจชาวอเมริกันและพันธมิตร ที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดกิจกรรมปิกนิกในโอกาสที่รำลึกถึงวันสำคัญครบรอบปีที่234ของวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาหรือวันชาติสหรัฐอเม ริกา (Independence Day) วันที่ 4 กรกฎาคม พุทธศักราช 2319

นายโรแนลด์ เอส. โรบินสัน (U.S.Embassy Consul General and Councelor for Councelor Affairs) ผู้แทนกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายที่ปรึกษา อ่านสาสน์ของนางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุตอนหนึ่งว่าการเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐอเมริกาทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกเป็นวันพิเศษและวันแห่งความสุขที่มีความหมายต่อชาวอเมริกัน เป็นอย่างมากที่มาร่วมงานกันทุกๆปี มากกว่า 2 ศตวรรษหรือตั้งแต่ บรรพชนได้ริเริ่มมาตั้งแต่ ปี 2319 หรือ 234 ปี ในปีนี้

ทั้งนี้ในนามของประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า ผู้นำประเทศสหรัฐอเมริกา ตระหนักถึงพันธะสัญญาที่มีต่อกรณีสิทธิมนุษยชนสากลมาโดยตลอด ที่ผ่านมา มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งรัฐบาลและพลเรือน ในประเทศและทั่วโลกและ การทำงานของทุกฝ่าย หรือชุมชนไม่สามารถทำได้ตามลำพัง ในศตวรรษที่ 21 นี้ ดังนั้นทุกคน จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบและทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อสร้างสันติภาพ ความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นในโลกและประเทศสหรัฐอเมริกาให้คำมั่นสัญญาและความสำคัญต่อกรณีสิทธิมนุษยชนในระดับสากลมาอย่างต่อเนื่องและจะไม่หยุดยั้งการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

ในโอกาสเดียวกันนี้ผู้ร่วมงานร่วมร้องเพลงชาติ นายบิล เวย์เล็ตต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกิจกรรมภูมิภาค จากเนวีลีกของสหรัฐอเมริการ่วมแสดงความยินดีในโอกาสการก่อตั้งภูเก็ตเนวีลีกด้วย โดยมีนายจิมมี่ มาดิแกน ประธานภูเก็ตเนวีลีก ชาวอเมริกัน ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้มีตัวแทนของภูเก็ตเนวีลีกนำผ้าขาวม้ามาคาดเอวให้นายโรแนลด์ เอส. โรบินสันและนายบิล เวย์เล็ตต์ เพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาและยินดีต้อนรับ เช่นเดียวกับที่เคยมอบให้กัปตันเรือสหรัฐอเมริกา ที่มาเยือนจังหวัดภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้น ได้แก่ การออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มอเมริกัน เพื่อรณรงค์จัดหาทุน เพื่อนำไปสมทบทุน จัดกิจกรรม เพื่อสาธารณะ ในอนาคต ตลอดจนจัดเครื่องเล่น มาให้เด็กและเยาวชนได้สนุกสนาน ควบคู่ไปกับการเล่นเกม การระบายสีบนใบหน้า การประดิษฐ์ลูกโป่งแฟนซี และรับประทานข้าวโพดคั่วฟรี รวมทั้งมีการแดสงดนตรีของ ร็อค กิ้ง แองเจลส และการบรรเลงกลองขนาดต่างๆ ของศิลปินอาสาสมัครชาวอเมริกันและในค่ำวันเดียวกันนี้ ยังมีการเฉลิมฉลองด้วยการจุดพลุด้วย
#

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เดอะ อินดิโกเพิร์ล รีสอร์ตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 3 ปี ในการสนับสนุนหมู่บ้านตะวันฉายภูเก็ต

เมื่อเร็วๆนี้ นายอาร์โนลด์ จิโรดอนผู้จัดการทั่วไปและผู้บริหาร เดอะ อินดิโกเพิร์ล รีสอร์ตพร้อมกับตัวแทนหัวหน้าหน่วยงานราชการและองค์กรการกุศลอื่น ๆเข้าร่วมงานเฉลิมฉลอง ในวาระครบรอบ 3 ปี ที่ให้การสนับสนุนหมู่บ้านตะวันฉายภูเก็ต และถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการสนับสนุนให้กลุ่มเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาส มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เหมาะสมและล่าสุดทางโรงแรมสามารถรวบรวมเงินบริจาคสะสมรวมได้สูงถึง 616,000 บาทและมอบให้หมู่บ้านตะวันฉายภูเก็ต หลังจากที่จัดให้มีการประมูลเงียบของผลงานประติมากรรมเกี่ยวกับเหมืองแร่ดีบุกชิ้นโบว์แดง ที่ออกแบบโดยบิล เบ็นสเลย์ (Bill Bensley ) สถาปนิกมีชื่อเสียงระดับโลก
นายอาร์โนลด์ จิโรดอนผู้จัดการทั่วไปและผู้บริหาร เดอะ อินดิโกเพิร์ล รีสอร์ตกล่าวว่า มั่นใจว่าการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและการจัดกิจกรรมเพื่อการกุศลของโรงแรมและและผู้สนับสนุนอื่น ๆ จะสามารถช่วยเหลือกลุ่มเด็กและเยาวชน ให้พวกเขามีอนาคตที่สดใสและผู้เกี่ยวข้องมีความยินดี ที่เป็นส่วนหนึ่งในงานเพื่อมนุษยธรรมนี้
ทางด้านนางสาวศุภลักษณ์ กาญจนเมธากุล ประธานหมู่บ้านตะวันฉายภูเก็ตกล่าวว่าขอขอบคุณผู้ที่มีจิตศรัทธาและผู้ให้การสนับสนุนด้วยความจริงใจ ที่ยินดีสนับสนุนเงินบริจาคเพื่อการกุศลจำนวนมาก และการแสดงของกลุ่มเด็กและเยาวชนหมู่บ้านตะวันฉายภูเก็ต เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงความขอบคุณ ผู้เกี่ยวข้องทุกคน และคณะกรรมการและผู้สนับสนุนต่างประทับใจกับการแสดงที่มีบรรยากาศ ที่คึกคักสนุกสนาน ดังนั้นจึงเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาที่ทุกฝ่าย จะยังคง ให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้เด็กและเยาวชน ที่ร่วมงาน มีโอกาสสนุกสนานกับความบันเทิงระดับโลกหลากหลายรูปแบบ ที่คณะกรรมการเลือกเฟ้นมามอบความสุขให้เด็กโดยเฉพาะ รวมทั้งร่วมเล่นเกมนันทนาการต่างๆ และอิ่มอร่อยกับ มุมขนม พร้อมอาหารและเครื่องดื่มด้วย
/ / / / /

Coke Celebration Park หรือ“ลานบอลโลก สดทั่วไทย”ที่ลานลมและลานดร๊อปอ๊อฟ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ร่วมกับ Coke และบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน)จัดกิจกรรมCoke Celebration Park หรือ“ลานบอลโลก สดทั่วไทย”ในวันที่2-11 กรกฎาคมนี้
เมื่อค่ำวันที่2 มิถุนายนนี้เวลาประมาณ19.30 ที่บริเวณหน้าลานลมและลานดร๊อปอ๊อฟ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต นายสุธรรม ชูไพร รองผู้จัดการภาคใต้ตอนบน บริษัทหาดทิพย์จำกัด(มหาชน)พร้อมด้วยนายเอี่ยม ถาวรว่องวงศ์ จากเอฟซีภูเก็ต นางสาววิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการศูนย์การค้าและฝ่ายการตลาดและนายฉันทัชญ์ ศรีนิลธา ผู้จัดการสำนักงานขายจังหวัดภูเก็ต บริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน ร่วมจัดกิจกรรมCoke Celebration Park หรือ“ลานบอลโลก สดทั่วไทย”ที่จะมีต่อเนื่องไปจนถึงวันที่11 กรกฎาคมนี้
สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้น ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วยการแสดงเต้นโชว์ของสาวงาม การแสดงดนตรี มินิคอนเสิร์ตจากวงดนตรีในท้องถิ่นภูเก็ต รวมทั้งร่วมเล่นเกมในรูปแบบต่างๆเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลโลก ที่ประเทศแอฟริกาใต้ พร้อมรับของที่ระลึกพิเศษต่างๆมากมายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลทุกคน และการจัดกิจกรรมของแฟนคลับฟุตบอลและCelebrities รวมทั้งยังมีบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดงาน
นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานที่ซื้อสินค้าครบ 500 บาท สามารถมีส่วนร่วมในการทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ประเทศที่ชนะเลิศการแข่งขัน และผู้ที่ทายถูกและเมื่อจับสลากครั้งสุดท้าย รับรางวัล เป็นตัวเครื่องบินไป-กลับ ชั้นธุรกิจ เที่ยวประเทศแอฟริกาใต้ โดยสายการบินไทย 1 รางวัล หรือ 2 ที่นั่ง รวมมูลค่า 450,000บาทและของรางวัลอื่นๆมากมาย โดยจะมีการจับรางวัล ในงาน FIFA WORLD CUP Celebration Parks เวลา 23.00น. พร้อมร่วมเชียร์ 2 ทีมสุดท้าย ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2553
#

คู่หนุ่มสาวชาวอินเดียเลือกภูเก็ตประกอบพิธีมงคลสมรส เฉลิมฉลองและดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์

คู่หนุ่มสาวชาวอินเดีย ที่มีฐานะทางการเงิน เริ่มเดินทางเข้ามาประกอบพิธีมงคลสมรสหรือแต่งงานและเฉลิมฉลองตามธรรมเนียมอินเดียและดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ที่จังหวัดภูเก็ตแล้ว

เมื่อบ่ายวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต พนักงานและเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต ประสานงานนำคณะนาฏศิลป์ชุดการแสดงด้านวัฒนธรรมไทย 4 ภาคจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พร้อมกับมอบพวงมาลัยดอกไม้สด เพื่อต้อนรับคณะของคู่แต่งงานที่มีฐานะดีและแขกรับเชิญ โดยคณะจัดการเดินทางด้วยเครื่องบินเช่าส่วนตัวจากเมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย เที่ยวบิน 9 W 8170 ถึงท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต พร้อม พ่อแม่ ผู้ปกครอง ญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมเดินทางจำนวนทั้งสิ้น 158 คน

นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่าได้รับการประสานงานจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนิวเดลีที่ร่วมมือกับบริษัทบลูมูนแทรเวลที่เป็นบริษัทรับจัดงานแต่งงานจากประเทศอินเดีย กำหนดจัดการแต่งงานให้ คู่แต่งงาน พร้อมแขกรับเชิญในระหว่างวันที่1-4กรกฎาคมนี้ที่โรงแรมเจดับบลิวแมริออทภูเก็ตรีสอร์ท แอนด์สปาตำบลไม้ขาวอำเภอถลางจังหวัดภูเก็ต

ทั้งนี้เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตได้รับความนิยมจากชาวอินเดีย เดินทางเข้ามาชม แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม เลือกซื้อสินค้ามากมายแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้าง ความประทับใจให้คู่รักตัดสินใจเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และคุ้มค่ากับการนำเงินมาใช้จ่ายในจังหวัดภูเก็ตด้วย อย่างไรก็ดีในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้บริษัทบลูมูนแทรเวล ยังประสานงานให้คู่หนุ่มสาวชาวอินเดีย ที่มีฐานะทางการเงินในระดับมหาเศรษฐีมาประกอบพิธีแต่งงานและเฉลิมฉลองตามธรรมเนียมอินเดีย อย่างต่อเนื่องด้วย

#

โครงการแต้มสีสันป่าด้วยปีกผีเสื้อปีที่ 4







กำหนดจัดโครงการแต้มสีสันป่าด้วยปีกผีเสื้อปีที่ 4 ในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้เวลา 08.30-10.30น. ที่บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต

นางสาววศิน โกยศิริพงศ์ กรรมการบริหารสวนผีเสื้อและโลกแมลงภูเก็ต ในฐานะประธานจัดงานโครงการแต้มสีสันป่าด้วยปีกผีเสื้อกล่าวว่า ในปี 2553นี้เป็นปีที่ 4 ในการดำเนินโครงการแต้มสีสันป่าด้วยปีกผีเสื้อ ที่กำหนดจัดขึ้นวันที่ 10 กรกฎาคมนี้เวลา 08.30-10.30น. ที่บริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต โดยจะเริ่มปล่อยผีเสื้อนานาชนิดจำนวน 1,000 ตัวรวมทั้งปลูกพืชอาหารอีก 100 ต้นพร้อมกันนี้มีการจัดนิทรรศการโครงการสิ่งแวดล้อมสีเขียว การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการและสาธิตเรื่องการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ อีเอ็มบอลและน้ำยาอเนกประสงค์ไร้สารอันตราย กิจกรรมเพิ่มเติมความรู้ในการใช้ ละเลิกสารเคมีในชีวิตประจำวัน เพื่อผลักดันให้เกิดกระแสการอนุรักษ์อย่างแท้จริง ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมโครงการ ร่วมเล่นเกมสอดแทรกความรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบต่างๆอีกส่วนหนึ่งด้วย

สำหรับการจัดงานทุกครั้งที่ผ่านมาปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากทุกฝ่ายด้วยดี โดยร่วมกับจังหวัดภูเก็ต เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการแต้มสีสันป่าด้วยปีกผีเสื้อขึ้น มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประชากรของผีเสื้อในบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ ที่ส่งผลให้ผีเสื้อสามารถแพร่พันธุ์ต่อไปเองได้ เพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ผีเสื้อในท้องถิ่นและพืชอาหาร ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้เกิดความรักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของธรรมชาติ รวมทั้งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และธรรมชาติและก่อให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติ อันเป็นเมล็ดที่จะฝังรากลึกต่อไป

นอกจากนี้ประธานจัดงานโครงการแต้มสีสันป่าด้วยปีกผีเสื้อกล่าวว่าผีเสื้อจำนวน 15 สายพันธุ์ ที่เตรียมไว้ปล่อย ประกอบไปด้วย ผีเสื้อหางติ่งนางละเวง ,ผีเสื้อหางติ่งธรรมดา ,ผีเสื้อหนอนจำปี , ผีเสื้อหนอนมะนาว ,ผีเสื้อหนอนคูนธรรมดา ,ผีเสื้อกระทกรกธรรมดา,ผีเสื้อใบไม้เล็ก ,ผีเสื้อใบไม้ใหญ่ ,ผีเสื้อปีกไข่ใหญ่,ผีเสื้อช่างร่อน ,ผีเสื้อปลายปีกส้มใหญ่,ผีเสื้อหนอนใบรักธรรมดา,ผีเสื้อหนอนใบรักฟ้าใหญ่,ผีเสื้อหนอนใบรักลายเสือและผีเสื้อหนอนใบรักขีดยาว
#

Ran out of smart card nation wide

เทศบาลนครภูเก็ต ออกใบเหลืองแก่ประชาชนผู้มาทำบัตรประชาชน แก้ปัญหาวัสดุ ทำบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ หรือ Smart Card ขาดแคลนพร้อมเปิดให้บริการทำบัตรในวันเสาร์เต็มวัน

นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ตกล่าวว่าสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครภูเก็ต ได้รับการจัดสรรบัตรเปล่าที่ใช้สำหรับทำบัตรประชาชนจากกรมการปกครองเพื่อให้บริการทำบัตร Smart Cardแก่ประชาชนในท้องถิ่นนั้น ปัจจุบันวัสดุบัตรนี้ขาดแคลนและกรมการปกครองอยู่ระหว่างการจัดหาในขั้นตอนการดำเนินการของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่งผลต่อการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน ของอำเภอ สำนักงานเขต เทศบาลทั่วประเทศและเมืองพัทยา ดังนั้น เทศบาลนครภูเก็ตจึงดำเนินการออกใบรับคำขอมีบัตร หรือ บ.ป.2 หรือใบเหลือง และใบแทนใบรับคำขอ มีบัตร บ.ป.2 ก หรือใบชมพูให้แก่ประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัสดุ ตัวบัตร

สำหรับประชาชนที่อายุถึงเกณฑ์ทำบัตรบัตรประจำตัวประชาชน ผู้ที่บัตรหมดอายุ และสูญหาย สามารถยื่นคำขอมีบัตรได้ตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่จะออกใบรับคำขอมีบัตร บ.ป.2 หรือใบเหลืองจากคอมพ์พิวเตอร์ ที่มีรูปถ่ายและข้อมูลส่วนตัวของผู้ถือบัตร ให้ โดยใบเหลืองมีอายุ 120 วัน หรือจนกว่าจะมีวัสดุบัตร หากผู้ถือบัตรทำ ใบเหลือง ชำรุด หรือสูญหาย จะต้องยื่นขอใบแทนใบรับคำขอมีบัตร บ.ป.2 ก หรือใบชมพูเพื่อเป็นหลักฐาน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม

ทั้งนี้ การทำบัตรประชาชนมีขั้นตอนต่างๆดังนี้คือการขอมีบัตรครั้งแรก ผู้มีสัญชาติไทยอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ต้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชนภายใน 60 วัน หากพ้นกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 500 บาท โดยต้องเตรียมหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน สูติบัตรหรือหลักฐานอื่นที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้ หากไม่มีหลักฐานดังกล่าวให้นำเจ้าของบ้านหรือบุคคลผู้น่าเชื่อถือไปรับรอง กรณีบิดาและมารดาเป็นต่างด้าวให้นำใบสำคัญประจำตัวบุคคลต่างด้าวของบิดาหรือมารดาไปแสดงด้วยไม่เสียค่าธรรมเนียม ส่วนบัตรเดิมหมดอายุ จะต้องทำบัตรใหม่ภายใน 60 วัน หากพ้นกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท แต่สามารถ ทำบัตรใหม่ก่อนวันบัตรหมดอายุได้ 60 วัน โดยจะต้องเตรียมหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชนเดิมที่หมดอายุ ไม่เสียค่าธรรมเนียม

นอกจากนี้นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า บัตรหายหรือถูกทำลาย ให้แจ้งต่อพนักงานเพื่อทำบัตรใหม่ภายใน 60 วัน หากพ้นกำหนดจะเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท โดยต้องนำหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้าน และหลักฐานอื่นที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้ หรือหากไม่มีเอกสารดังกล่าวให้นำเจ้าบ้านหรือบุคคลผู้น่าเชื่อถือไปรับรอง เสียค่าธรรมเนียม 20 บาทและในปัจจุบันสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นสำนักทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครภูเก็ตเปิดให้บริการทำบัตรประชาชนตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์เวลา 08.30-16.30 น. ไม่มีพักกลางวัน และในวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30น.พักกลางวัน หากประชาชนมีข้อสงสัยในการทำบัตรประชาชนหรืองานทะเบียนราษฎร สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลข 0-7621-6888,0-7621-3419 หรือสายด่วนการทะเบียนกรมการปกครอง 02-1548

#

โครงการ สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100 %





สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชน จัดโครงการ สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100 %
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ที่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตนายเรวัติ อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยตัวแทนส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนร่วมเป็นเกียรติในพิธีปล่อยแถว รถจักรยานยนต์จำนวน 2,000 คัน ที่มีสายตรวจจราจร นักเรียน นักศึกษา ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนเช่นชมรมบิ๊กไบค์ภูเก็ตเข้าร่วมกิจกรรมมากถึงจำนวน 4,000 คน ที่สวมใส่หมวกนิรภัยแห่รอบเขตเทศบาลนครภูเก็ตตามโครงการ สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100 %

พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ในฐานะเจ้าของโครงการ กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลกมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในปีหนึ่งนับหลายล้านคน ปัญหาการจราจร จึงเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว การควบคุมดูแลแก้ไขปัญหาการจราจรให้เกิดความปลอดภัยขณะใช้รถใช้ถนนก็มีความยิ่งยากมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งปริมาณยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไม่สมดุลกับพื้นผิวจราจร
ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีรถ รวมทุกประเภท 297,645 คัน ในจำนวนนี้ เป็นรถจักรยานยนต์208,183คันเฉลี่ยประชากร 1คนต่อรถ1คันสูงสุดในประเทศสถิติการเกิดอุบัติเหตุปรากฏว่าภูเก็ตมีอัตราการบาดเจ็บและตายจากอุบัติเหคุจราจรสูงสุด 1-5 ของประเทศไทยเป็นเวลาหลายปี บาดเจ็บ 33-35 คนต่อวันเสียชีวิต 15-16 คนต่อเดือน การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเทียบได้กับนักเรียนปีละ 4 ห้องเรียน หรือประมาณ 200 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 66.58 คนต่อประชากรแสนคน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณปีละ 1,335 – 1,492 ล้านบาท หรือประมาณ วันละ3.7 – 4 ล้านบาทและอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์
ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต กล่าวว่าสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตตระหนักและให้ความสำคัญกับปัญหานี้เป็นอย่างมาก จึงร่วมหารือกับคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจภูเก็ตเพื่อแก้ไขปัญหาและลดอุบัติเหตุการจราจรบนท้องถนนในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ในแต่ละปีมีอัตราที่เกิดขึ้นสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสารหรือผู้ซ้อนท้ายก็มีอัตราเสี่ยงพอๆกัน และจากการวิเคราะห์พบว่า อุบัติเหตุจราจรส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเทศบาลนครภูเก็ต จึงได้ริเริ่มโครงการ รณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100 % ขึ้น

ทั้งนี้เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนนเพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรโดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถจักรยานยนต์เพื่อเป็นการปลูกฝังวินัยจราจรปลูกจิตสำนึกและค่านิยมที่ถูกต้องแก่ผู้ขับขี่ ผู้โดยสารหรือผู้ซ้อนท้ายโดยเฉพาะเด็กนักเรียน นักศึกษาครูอาจารย์และผู้ปกครองกลุ่มผู้ประกอบการรถจักร ยานยนต์รับจ้างตลอดจนนักท่องเที่ยวให้คำนึงถึงความปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และเพื่อเป็นพื้นที่นำร่องของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมใส่หมวกนิรภัยของผู้โดยสารหรือผู้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์

สำหรับการดำเนินตามโครงการกำหนดเป็น 3 มาตรการ 2ระยะ กล่าวคือระยะแรก เป็นการประชาสัมพันธ์ ระหว่างเดือน เมษายน-มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาทราบทุกรูปแบบทั้งสื่อ วิทยุกระจายเสียง หนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์ในท้องถิ่น รวมถึงรถขยายเสียงไปตามชุมชนต่างๆและการประชุมกลุ่มผู้ประกอบอาชีพรถจักรยานยนต์สาธารณะส่วนมาตรการในระยะที่2เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไปเป็นมาตรการในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่ง ครัดโดยมุ่งเน้นบังคับใช้ทั้ง ผู้ขับขี่และผู้โดยสารหรือผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ที่ทุกคนจะต้องสวมหมวกนิรภัย 100 % ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ที่ถือเป็นภูมิภาคแรกที่เริ่มเอาจริงในการบังคับใช้กฎหมายการสวมหมวกนิรภัยของผู้ซ้อนท้ายนอกเหนือจากที่มีการบังคับใช้กฎหมายในกรุงเทพมหานคร
#