วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สายการบินกาตาร์เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงโดฮาผ่านกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียสู่ภูเก็ต







เมื่อคืนวันที่ 12 ตุลาคมนี้เวลา21.15 น.ที่ห้องรับรองวีไอพี ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตนายมาร์วาน โคไลลัท รองประธานอาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทอีสต์ เอเซีย เซาธ์เวสต์ แปซิฟิค พร้อมด้วยคณะร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินกาตาร์หรือQATAR AIRWAYS สายการบินแห่งชาติของกาตาร์ที่เริ่มเปิดเส้นทางบินระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติโดฮาแห่งใหม่ กรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียมาสู่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทยและมีกำหนดการมาถึงจังหวัดภูเก็ต เมื่อเวลา 22.25 น.โดยมีนายนฤนาท สุภัทรประทีป นายอำเภอถลางพร้อมด้วยนายสุทีฟ แสนสิริพันธุ์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดี





ในโอกาสเดียวกันนี้นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต,พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต,นายสุชาติ หิรัณย์กนกกุล ,นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวมาร่วมด้วย พร้อมกันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ตมอบช่อดอกไม้สดเพื่อเป็นเกียรติ สำหรับลูกเรือและผู้โดยสารและมีตัวแทนพนักงานท่าอากาศยานภูเก็ตและคณะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตแต่งกายไทยสี่ภาคถือป้ายผ้ารวมทั้งบรรเลงดนตรีไทยและระบำอวยพรต้อนรับด้วย






สำหรับการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินกาตาร์ สายการบินระดับ 5 ดาวในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หรือเป็นเส้นทางบินที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังเป็นสายการบินประจำลำดับที่ 31 ที่ให้บริการที่จังหวัดภูเก็ต โดยใช้เครื่องบิน แบบแอร์บัส A330-300s มีผู้โดยสารชายหญิงรวม45คนและกัปตัน2คนและลูกเรืออีก13คนใช้เวลาบินจากกรุงโดฮาผ่านกรุงกัวลาลัม เปอร์ประเทศมาเลเซียและเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตประมาณ 8 ชั่วโมง จากความสามารถสูงสุด ในการรองรับผู้โดยสารชั้น Businessหรือชั้นธุรกิจจำนวน 30 ที่นั่ง และ ชั้น Economyหรือชั้นประหยัด จำนวน 275 ที่นั่ง






ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมนี้ให้บริการ 6 วัน ต่อสัปดาห์ หรือเว้นเฉพาะวันจันทร์ และในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มเป็น7เที่ยวบินต่อสัปดาห์ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม2554และเส้นทางบินกรุงเทพมหา นคร สู่กรุงโดฮา จะเพิ่มจาก 2 เที่ยวบินต่อวัน เป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน และจะส่งผลทำให้ มีเที่ยวบินจากประเทศไทยไปสู่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เป็น 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และในช่วงเดียวกันที่เปิดเส้นทางบินสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียและภูเก็ต สายการบินกาตาร์ยังเปิดเส้นทางบินไปสู่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม , เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส,กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ,กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีและกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม





นายมาร์วาน โคไลลัท รองประธานอาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทอีสต์ เอเซีย เซาธ์เวสต์ แปซิฟิคกล่าวว่าตนเองโชคดี ที่เป็นผู้โดยสารเที่ยวบินปฐมฤกษ์คนหนึ่งและจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางแห่งที่สองหรือรองจากกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าผู้โดยสารตอบรับเป็นอย่างดีและสนใจใช้บริการสายการบินกาตาร์ และเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพและมีความเติบโตและ สามารถยืนยันได้ว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่สวยงามที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมชม ดังนั้นผู้โดยสารจากทวีปยุโรป อเมริกา อเมริกา แอฟริกาใต้หรือจากตะวันออกกลาง เดินทางมาเยือนภูเก็ต โดยสายการบินกาตาร์ และเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาสู่จังหวัดภูเก็ตและมีส่วนสนับสนุนและส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับชาวภูเก็ต ในขณะเดียวกันประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงสามารถใช้บริการไปสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกได้เช่นเดียวกัน เพราะมีเส้นทางเชื่อมโยงอยู่ 90 แห่ง และสายการบินกาตาร์ หวังที่จะสร้างมิตรภาพที่ดีกับประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ มีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้น






#

ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตโชว์ผลงานปราบปรามอาชญากรรม ต้อนรับวันตำรวจ 2553



ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์,พ.ร.บ.ยาเสพติดและ พ.ร.บ.อาวุธปืนและคดีที่สำคัญและน่าสนใจคือคดีผู้ต้องหาชาวพม่าโจรกรรมรถจักรยานยนต์และชำแหละส่งกลับประเทศ




เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมนี้เวลาประมาณ 11.30น.นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยร่วมกับพลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต,พันตำรวจเอกโกมล วัตรากรณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและพันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตและชุดจับกุมร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วยคดีเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และลักทรัพย์หรือรับของโจร และผู้ต้องหาปรกอบไปด้วยนายอดิศร หินแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/86 ถนนเจ้าฟ้า ตะวันออก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ,นายสันติ สุขจำลอง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่7 ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและนายสุรพงษ์ โพธิจันทร์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่12 ตำบลวังใหม่ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้วและยึดของกลางได้มากถึง49 รายการ ที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนตระเวนลักทรัพย์ตามหมู่บ้านต่าง ๆมาแล้วหลายครั้ง โดยนำไปจำนำหรือจำหน่ายและของกลางบางส่วนเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ 128/86 ซอยไพศาล ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและบ้านเลขที่108/86 ถนนเจ้าฟ้า ตะวันออก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต



นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหารายนายเศวตมน สุริตธุระการ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.1 ตำบลวัดสน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาพร้อมด้วยของกลางคือยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 186 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 1 ถุง ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวน 1 ถุง รวมทั้งอาวุธปืนพกสั้นกึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มิลลิเมตรยี่ห้อ สมิธแอนด์เวสสัน หมายเลขทะเบียน กท-5324255 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 7 นัด เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย,มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต






สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ พนักงานสอบสวน แจ้งว่า ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจในการจับกุมนายธอ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติพม่าที่ชุดสืบสวนสอบสวนสามารถยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข เอ็นเอฟ –110ที-0083639 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน กมย-288 ภูเก็ต,โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข ซี 100 เอ็มพีอี -0085231 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน ขกง-344 ลำปาง, โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข ซี 100 เอ็มพีอี-0085504 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน กมร-751 ภูเก็ต รวมทั้งโครงรถจักรยานยนต์ ไม่ปรากฏตัวเลข เพราะถูกขูดลบออกไปจำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์ ยี่ห้อ ซูซูกิ เสต็ป ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน นอกจากนี้ยังมีของกลางอุปกรณ์ส่วนควบของรถจักรยานยนต์ จำนวน 55ชิ้น,พลาสติก สีน้ำเงิน จำนวน 4 ใบ,กระสอบพลาสติก จำนวน 3 ใบ,ลังไม้ขนาดใหญ่ จำนวน 2 ใบ




พนักงานสอบสวนกล่าวหาว่านายธอร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักคนงานพม่า หมู่ที่4 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมนี้เวลาประมาณ 02.00 น.หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่าว่ามีชาวพม่าพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักนี้ มีพฤติกรรมตระเวนลักรถจักรยานยนต์ตามสถานที่ต่างๆ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุพบผู้ต้องหากำลังนั่งแยกชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์อยู่ภายในบ้าน






สอบถามนายธอ ผู้ต้องหาผ่านล่าม ให้การยอมรับว่ากำลังแยกชิ้นส่วนรถเพื่อบรรจุใส่ถังพลาสติก และจะบรรจุลังไม่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีนายต๋อง คนไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ใช้รถยนต์บรรทุกรถจักรยานยนต์มาให้ผู้ต้องหาแยกชิ้นส่วน หลังจากบรรจุในภาชนะเรียบร้อยแล้ว นายต๋องจะมารับ เพื่อจัดส่งไปยังเมืองเมียวดี ประเทศพม่า จากการตรวจสอบของกลางโครงรถจักรยาน ยนต์ลำดับที่ 1 มี นางสาวจรินทร มูลเพ็ชร อยู่บ้านเลขที่ 59/159 หมู่ที่7 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต แจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนของกลางรายการอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางดังกล่าวข้างต้นนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย



#

เพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวดำน้ำชื่อ" ลดาวัลย์ 2"ที่คลองท่าจีน จังหวัดภูเก็ต



เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวดำน้ำชื่อ ลดาวัลย์ 2 ที่บริเวณคลองท่าจีนจังหวัดภูเก็ตทำให้เสียหายทั้งลำและจมลงแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ3คนและมี1คนที่ไฟไหม้ร่างกายต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. วันที่ 13 ตุลาคมนี้พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง สารวัตรเวรสถานีตำรวจ ภูธรเมืองภูเก็ตรับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้ยินเสียงระเบิดและมีเพลิงลุกไหม้เรือ ไดวิ่ง ที่จอดซ่อมบำรุงอยู่บริเวณท่าเรือติลก ถนนศรีสุทัศน์ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนหนึ่ง จากนั้นได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ และพร้อมด้วย พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตนำกำลังสายตรวจรัษฎา รถน้ำและรถดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฎา เทศบาลนครภูเก็ตและหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ



สำหรับเรือลำที่เกิดเหตุ เป็นเรือไดวิ่งที่ให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำ ชื่อลดาวัลย์ 2 เป็นของบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์ส จำกัด ( WEST COAST DIVERS LTD.) จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าจุดที่เกิดระเบิดขึ้นนั้น อยู่ที่บริเวณห้องเครื่องยนต์ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ลุกลามจนเรือเสียหายทั้งลำในขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำรถน้ำและรถดับ เพลิงของเทศบาลตำบลรัษฎา และเทศบาลนครภูเก็ตต้องช่วยกันระดมรถฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ โดยใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง



อย่างไรก็ดีเนื่องจากเรือจอดอยู่ในคลองท่าจีนที่เชื่อมกับทะเลอ่าวสิเหร่ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จนเพลิงไหม้เรือเสียหายทั้งลำและเรือได้จมลงในเวลาต่อมา และในระหว่างที่เกิดเหตุนั้นมีคนงานซ่อมแซมอยู่ในเรือจำนวน 7 คน ปรากฏว่าได้รับบาดเจ็บทั้งหมดและในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คนจากไฟลวกตามร่างกายและผู้ประสบเหตุและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสันนิษฐานว่าปัญหาเกิดระเบิดและเพลิงไหม้เรือในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการใช้เครื่องมือเชื่อมอุปกรณ์เครื่องยนต์ต่างๆภายในเรือและเกิดประกายไฟขึ้นมา และมีส่วนทำให้เพลิงไหม้ลุกลามได้ ส่วนสาเหตุที่ชัดเจนทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและจะต้องให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจภูธรเขต 44 ภูเก็ต ตรวจสอบในเชิงวิชาการอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง



นายประเทือง บุญรอด กับตันเรือสายไหม 2 ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ก่อนเกิดเกิดเหตุไฟไหม้เรือไดวิง ลดาวัลย์ 2 ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากเรือลำนี้1 ครั้งและในเวลาต่อมาไฟเริ่มลุกไหม้เรือลำเกิดเหตุอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเห็นคนงานที่ได้รับบาดเจ็บวิ่งออกมาจากตัวเรือจึงได้ช่วยเหลือนำขึ้นบนเรือลำสายไหม 2 ที่รับผิดชอบอยู่ ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากการซ่อมแซมเรือและความเสียหายในเบื้องต้นประเมินว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท



ทางด้านนางสาวสมใจ กานดี พนักงานบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์สจำกัดกล่าวว่าเรือลดาวัลย์ 2 มีอายุประมาณ 8-9 ปี สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 30 คน โดยปกติเรือลำนี้จะให้บริการนำนักท่องเที่ยวจากท่าเทียบเรือบ้านทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเป็นเวลานานประมาณ 6 เดือน และจะนำกลับมาซ่อมบำรุงที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้เรือ ผู้เกี่ยวข้องได้นำเรือลงจากคานเรือเพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนที่จะนำไปให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น คงไม่สามารถที่จะซ่อมแซมเรือได้ทัน ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จองโปรแกรมดำน้ำเอาไว้แล้ว คงต้องกระจายให้กับเรือบริการดำน้ำลำอื่นที่มีเส้นทางท่องเที่ยวเดียวกันแทน

สำหรับสาเหตุไฟไหม้เรือในครั้งนี้พนักงานบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์ส จำกัด รายเดิมกล่าวว่า เมื่อสอบถามพนักงาน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุทราบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุนั้น พนักงานกำลังใช้อุปกรณ์เครื่องเชื่อม บริเวณท่อไอเสียเครื่องเรือ และในช่วงเดียวกันพนักงานอีกคนนำน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อไปล้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเครื่องไดนาโม ทำให้เกิดประกายไฟจากการเชื่อมท่อไอเสียมาโดนน้ำมัน จึงเกิดเกิดลุกไหม้ขึ้นในทันที เบื้องต้นค่าเสียหาย ประเมินว่าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท



ล่าสุด พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สามารถสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้เรือไดวิง ลดาวัลย์ 2ไปแล้ว 2 คน ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากความประมาทของช่างที่เข้าไปซ่อมท่อไอเสียและใช้น้ำมันล้างไดนาโมภายในห้องเครื่อง อย่างไรก็ตามจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้เรือที่แท้จริงอีกครั้ง และในขณะนี้เรือลำเกิดเหตุจมลงในคลองท่าจีนแล้ว ส่วนนายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้เรือลดาวัลย์ 2 นั้นในเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวน 3 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล1คนเพราะได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟไหม้ตามร่างกายประมาณ 4%
#

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

เทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบสายไฟฟ้า-สายเคเบิ้ลสื่อสารนำร่องบริเวณถนนแม่หลวน


เมื่อเวลาประมาณ 09.00น.วันที่11 กันยายนนี้ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานเปิดโครงการจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลสื่อสารที่ทางเทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค,บริษัททีโอทีจำกัด(มหาชน),บริษัท กสท.โทรคมนาคมจำกัด (มหาชน), บริษัททีทีแอนด์ทีจำกัด(มหาชน),บริษัทเคเบิ้ลทีวีในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและผู้ให้บริการระบบสื่อสารอื่นๆ ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อจัดระเบียบสายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลบริเวณถนนแม่หลวน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นโครงการนำร่อง เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าในปัจจุบันมีสภาพไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามหรือรกรุงรัง ระเกะระกะประกอบกับถนนแม่หลวนเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรไปสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหลายๆแห่งเช่นหาดป่าตอง หาดกะตะและหาดกะรน ในโอกาสเดียวกันนี้มีตัวแทนภาคเอกชน มอบโคมไฟถนนให้เทศบาลนครภูเก็ต จำนวน 10 ชุดด้วย


ทั้งนี้การดำเนินการในวันนี้เริ่มต้นโครงการจากบริเวณสี่แยกที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต ต่อเนื่องไปจนถึงสามแยกถนนแม่หลวนตัดกับถนนวิชิตสงคราม โดยพนักงานจัดเก็บรวบรวมสายไฟ และสายเคเบิ้ลต่างๆ ให้เป็นกลุ่มเดียวกัน รวมทั้งรื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ยกเลิกการใช้ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนงานไฟฟ้าจัดระเบียบสายระบบจำหน่ายแรงต่ำตลอดแนวเป็นระยะประมาณ 1.4 กิโลเมตร ปรับปรุงแป้นมิเตอร์ไฟฟ้าและสายเข้า-ออกมิเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 67 เครื่อง รื้อถอนเสาไฟฟ้าที่ยกเลิกการใช้งานจำนวน 3 ต้น รวมทั้งปรับปรุงสายระบบจำหน่ายแรงต่ำแนวข้ามถนนจำนวน 3 จุด ในขณะที่ส่วนงานระบบสื่อสารอื่น ปรับปรุงรื้อถอนสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลสื่อสารที่ไม่ใช้งานตลอดแนวระยะ1.4 กิโลเมตร ปรับปรุงจัดระเบียบสายสัญญาณ สายเคเบิ้ลตลอดแนวถนน และปรับปรุงไม้คอนรับสายเคเบิ้ลสื่อสารต่างๆจำนวน 20 จุดและเมื่อแล้วเสร็จ จะดำเนินการในถนนสายหลักอื่น ต่อไปคือ ถนนเทพกระษัตรี ,ภูเก็ต,เยาวราชและถนนวิชิตสงครามในอนาคต



นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยือนในแต่ละปี เป็นจำนวนมากและสามารถสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี หากมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและปรับปรุงภูมิทัศน์ของตัวเมืองภูเก็ตให้มีความสวยงาม จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภายในเขตเทศบาลนครภูเก็ตมีการกำหนดเขตพื้นที่อนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ตเอาไว้ที่ประกอบไปด้วย ถนนถลาง ,กระบี่,ดีบุก,พังงา,เยาวราชและถนนรัษฎา มีอาคารเก่าแก่รูปแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส อายุประมาณ 80-100 ปี ที่สมควรจะอนุรักษ์ไว้และพัฒนาปรับปรุงพื้นที่โดยรอบและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงให้มีทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งขึ้น



นอกจากนี้นายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต กล่าวว่าในช่วงที่ผ่านมา ทางเทศบาลนครภูเก็ตร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและผู้ให้บริการระบบสื่อสาร นำสายไฟฟ้า โทรศัพท์และสายเคเบิ้ลลงดินในระยะที่ 1 ไปแล้ว ในบริเวณถนนถลาง และซอยรมณีย์ ส่วนในระยะที่ 2 กำลังจะดำเนินการ บริเวณถนนกระบี่,ดีบุก,ภูเก็ตและถนนเทพกระษัตรีบางส่วนประมาณเดือนธันวาคมนี้และมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือไปแล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกรกฎาคม 2554 ส่วนระยะที่ 3 นั้นจะดำเนินการเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่เขตอนุรักษ์ย่านการค้าเมืองเก่าภูเก็ตและพื้นที่โดยรอบ ส่วนพื้นที่รอบเขตเทศบาลนครภูเก็ต หากจะดำเนินการระบบเคเบิ้ลใต้ดิน จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกินศักยภาพที่จะดำเนินการได้ในขณะนี้ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน และทุกหน่วยงานเห็นร่วมกันว่าควรที่จะมีการจัดระเบียบสายไฟฟ้าสายเคเบิ้ลให้เป็นระเบียบ สวยงามก่อน หากมีความพร้อมในด้านงบประมาณ จะดำเนินการตามโครงการนำสายไฟฟ้า โทรศัพท์และสายเคเบิ้ลลงดินต่อไป


#

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

Central Festival Phuket 6th Anniversary Celebrate



ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ตครบรอบ 6 ปียังคงสานต่อโครงการ เซฟภูเก็ต เซฟอาว แพลนเน็ต ต่อเนื่องเป็นปี ที่ 4 ภายใต้แนวคิด ทรอปิคอล ฟอเรสต์ ร่วมรักษ์ป่าเมืองร้อน แห่งอันดามัน



เมื่อค่ำวันที่ 4 กันยายนนี้ที่บริเวณชั้น 1 แกรนด์ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายณรงค์ หงษ์หยก และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 6 ปี ที่มีการจัดแคมเปญใหญ่ คือ เซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต เดอะซิกส์ แอนนิเวอซารี่ เซเรเบรท พร้อมสานต่อโครงการ เซฟภูเก็ต เซฟอาว แพนเน็ต ต่อเนื่องเป็นปี ที่ 4 ภายใต้แนวคิด ทรอปิคอล ฟอเรสต์ เซฟเดอะฟอเรสต์ :ร่วมรักษ์ป่าเมืองร้อน แห่งอันดามัน นอกจากนี้ร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการเชิญชวนลูกค้าใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกและร่วมกันปลูกป่าโกงกาง สร้างพื้นที่สีเขียว คืนความร่มรื่นให้กับเกาะภูเก็ต


สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ มีการแสดงแฟชั่นโชว์”ทรอปิคอล ฟอเรสต์ แฟชั่นโชว์” จากผลงานการออกแบบของ ทวิพันธ์ ขำพงษ์ ดีไซเนอร์มือหนึ่งของเมืองไทย ที่เคยร่วมงานออกแบบเสื้อผ้าให้กับห้องเสื้อชื่อดังในเมืองไทย และต่างประเทศ และการออกแบบชุดแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ เป็นการรังสรรค์แนวความคิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ หรือเฉพาะงานเฉลิมฉลองครบรอบ 6 ปีของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัลภูเก็ต เท่านั้น เป็นการสะท้อนถ่ายทอดสีสัน ความสวยงามของธรรมชาติ ที่เข้ากับมนุษย์ได้อย่างลงตัว ด้วยใบไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับ ที่สื่อถึงความเป็นภูเก็ตได้อย่างชัดเจน



ทั้งนี้มีดารานางแบบและนายแบบชื่อดังคือเข็ม รุจิรา ช่วยเกื้อและอ้วน รังสิต ศิรนานนท์ ร่วมเดินแฟชั่นโชว์ ในชุดไฮไลท์ของงาน ในขณะที่เด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงจาก เซ็นทรัล บัณฑิตน้อย ยังมาร่วมแต่งเติมความน่ารัก ด้วยชุดที่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุธรรมชาติต่างๆที่ต้องการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ รับรู้ถึงความสำคัญและร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยกันรักษาทรัพยากร ธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม


#

เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดหามาตรการขจัดคราบน้ำมันจากเรือโชคถาวร 6 อับปาง ขนาดกว้าง 0.5 ไมล์และยาว 3 ไมล์ ที่เคลื่อนไปทางเกาะไม้ท่อนและเกาะพีพี



เมื่อเวลาประมาณ 20.00น.วันที่ 4 กันยายนนี้นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหา คราบน้ำมันจากเรือโชคถาวร 6 อับปางที่ห้องประชุม ทัพเรือภาคที่ 3 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตว่า จากข้อมูลล่าสุดที่หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่3นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ออกไปตรวจสอบที่บริเวณจุดเรืออับปางและบริเวณใกล้เคียง จุดเกิดเหตุเรืออับปางและจมลง อยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ ประมาณ 3 ไมล์ทะเลและห่างจากเกาะไม้ท่อนประมาณ 6 ไมล์ทะเล และเรือโชคถาวร 6 จมลงไปอยู่ในระดับน้ำทะเล ที่มีความลึก ประมาณ 43 เมตรและเมื่อเวลาประมาณ 16.00น. วันที่ 4 กันยายนนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจการณ์ของหมวดบินเฉพาะกิจ พบว่า เริ่มมีคราบน้ำมัน จากเรือที่จม มีขนาดความยาวประมาณ 3 ไมล์ และกว้างประมาณ 0.5 ไมล์ ปรากฏอยู่บริเวณน่านน้ำด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวว่า แนวหรือทิศทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน มีแนวโน้มว่า จะพัดไปทางอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ หากวัดระยะ จากจุดหรือบริเวณที่เรือโชคถาวร 6 จม ไปยังเกาะพีพี คิดเป็นระยะทางประมาณ 22 ไมล์ทะเลเท่านั้น หากคำนวณกระแสน้ำและคลื่นลมตามปกติแล้ว คราบน้ำมัน จะเคลื่อนไปได้ชั่วโมงละ 1 ไมล์ ดังนั้น ในช่วงระยะเวลาประมาณ 20 กว่าชั่วโมง อาจจะถึงเกาะพีพี อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและคลื่นลม ที่เกิดขึ้น ในช่วงนี้ด้วย อย่างไรก็ดี พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงในจังหวัดภูเก็ตคือ การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันที่หันไปทางทิศตะวันออก และก่อนที่จะถึงเกาะพีพี จะผ่านเกาะไม้ท่อนก่อน และเกาะนี้ มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ประมาณ 400 ไร่

การประชุมหารือกันในค่ำวันนี้ที่ประชุมรับทราบว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการ ตามกรรมวิธีต่างๆ คือ จำเป็นต้องจัดให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ในการดำน้ำลงไปปิดวาวล์เครื่องเรือ และถังบรรจุน้ำมันดัดแปลงของเรือโชคถาวร 6 ที่ทราบว่า มีปริมาณ มากถึง 40,000ลิตร นอกจากนี้จะต้องกำจัดการปนเปื้อนคราบน้ำมันที่ลอยในทะเล จะต้องใช้เครื่องมือบูมล้อมสกัดเอาไว้และใช้น้ำยาฉีดผ่านเครื่องSpray แม้ว่าในปัจจุบันน้ำยานี้มีเก็บไว้ที่ที่คลังน้ำมันของบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน อ่าวมะขาม จังหวัดภูเก็ต แต่เครื่องมือทำSpray กลับไม่มี ทราบว่าเครื่องมือเป็นของผู้ประกอกการภาคเอกชนรายหนึ่ง และในข้อกฎหมาย การเดินเรือและมีส่วนสร้างความเสียหายเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม จะต้องมีผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

สำหรับในเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ตรับว่า จะไปประสานงานกับเจ้าของกิจการเรือโชคถาวร 6 เพื่อให้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น และในเช้าวันที่ 5 กันยายนนี้ เวลาประมาณ 06.00น.หมวดบินเฉพาะกิจทัพเรือภาคที่3นำเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ออกไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้ข้อมูล เส้นทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน และนำมาเสนอต่อที่ประชุม ในเวลา08.00น. เพื่อให้คณะกรรมการ ในที่ประชุมพิจารณาดำเนินการตัดสินใจเลือกใช้มาตรการกำจัดคราบน้ำมันที่เหมาะสมต่อไป
#

“ร่วมห่วงใยเราใส่ใจรักษ์..ทะเล”ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ840,000ตัวร่วมทำความดีถวายในหลวง


โรงงานยาสูบกระทรวงการคลังร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ตและสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตจัดกิจกรรม“ร่วมห่วงใยเราใส่ใจรักษ์..ทะเล”ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ840,000ตัวร่วมทำความดีถวายในหลวง

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันที่ 4 กันยายนนี้ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ่าวภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นายธีรยุทธ เอี่ยม ตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตภูเก็ต เป็นประธานในพิธีปล่อยพันธุ์กุ้งกุลาดำ ปูดำ และปลากะพงขาว รวมจำนวน 840,000 ตัว ตามโครงการ“โลกดูแลเรา เราดูแลโลก” ด้วยการจัดกิจกรรม “ร่วมห่วงใย เราใส่ใจ รักษ์...ทะเล” ที่ทางโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ตและสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตจัดขึ้น โดยมีส่วนราชการ องค์กรท้องถิ่น กลุ่มประมงเรือเล็กกอจ๊าน ตลอดจน นักเรียน นักศึกษา ประชาชาชาวภูเก็ตร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประมาณ 1,000 คน


นางชื่นใจ ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาด โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังกล่าวว่า ทางโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต และสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งที่ลดปริมาณลงจนอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาและการดำรงชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ต่างๆของประเทศไทย เพื่อเป็นการขยายพันธุ์สัตว์น้ำและส่งเสริมอาชีพชาวประมงพื้นบ้าน ในพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต ทางโรงงานยาสูบและหน่วยง่านราชการที่เกี่ยวข้องจึงจัดกิจกรรม “ร่วมห่วงใย เราใส่ใจ รักษ์...ทะเล” ภายใต้โครงการ “โลกดูแลเรา เราดูแลโลก” เพื่อร่วมทำความดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยการปล่อยสัตว์น้ำ จำนวน 840,000 ตัว


สำหรับกิจกรรม“ร่วมห่วงใย เราใส่ใจ รักษ์...ทะเล”ภายใต้โครงการ“โลกดูแลเรา เราดูแลโลก” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากร่วมกับบรรดาหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประชาชนและชาวประมงในพื้นที่ร่วมกันปล่อยสัตว์น้ำในช่วงเช้าแล้วในเวลา10.30 น.วันเดียวกันยังจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “ผลประโยชน์อย่างยั่งยืน บนผืนทะเลไทย”โดยผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย ตัวแทนกลุ่มชาวประมงจังหวัดภูเก็ต ,สำนักงานประมง จังหวัดภูเก็ต ,ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และนักวิชาการด้านทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง และผลการสัมมนาจะเป็นหนทางหนึ่งในการกำหนดทิศทางและหาทางออกในการจัดการและดูแลผลประโยชน์ในทะเลไทย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของชาวประมงพื้นบ้านและประชาชนคนไทยทุกคน ในการดูแลจัดการด้านทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนสืบไป
#