วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สายการบินกาตาร์เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงโดฮาผ่านกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียสู่ภูเก็ต







เมื่อคืนวันที่ 12 ตุลาคมนี้เวลา21.15 น.ที่ห้องรับรองวีไอพี ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตนายมาร์วาน โคไลลัท รองประธานอาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทอีสต์ เอเซีย เซาธ์เวสต์ แปซิฟิค พร้อมด้วยคณะร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินกาตาร์หรือQATAR AIRWAYS สายการบินแห่งชาติของกาตาร์ที่เริ่มเปิดเส้นทางบินระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติโดฮาแห่งใหม่ กรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียมาสู่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทยและมีกำหนดการมาถึงจังหวัดภูเก็ต เมื่อเวลา 22.25 น.โดยมีนายนฤนาท สุภัทรประทีป นายอำเภอถลางพร้อมด้วยนายสุทีฟ แสนสิริพันธุ์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดี





ในโอกาสเดียวกันนี้นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต,พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต,นายสุชาติ หิรัณย์กนกกุล ,นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวมาร่วมด้วย พร้อมกันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ตมอบช่อดอกไม้สดเพื่อเป็นเกียรติ สำหรับลูกเรือและผู้โดยสารและมีตัวแทนพนักงานท่าอากาศยานภูเก็ตและคณะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตแต่งกายไทยสี่ภาคถือป้ายผ้ารวมทั้งบรรเลงดนตรีไทยและระบำอวยพรต้อนรับด้วย






สำหรับการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินกาตาร์ สายการบินระดับ 5 ดาวในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หรือเป็นเส้นทางบินที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังเป็นสายการบินประจำลำดับที่ 31 ที่ให้บริการที่จังหวัดภูเก็ต โดยใช้เครื่องบิน แบบแอร์บัส A330-300s มีผู้โดยสารชายหญิงรวม45คนและกัปตัน2คนและลูกเรืออีก13คนใช้เวลาบินจากกรุงโดฮาผ่านกรุงกัวลาลัม เปอร์ประเทศมาเลเซียและเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตประมาณ 8 ชั่วโมง จากความสามารถสูงสุด ในการรองรับผู้โดยสารชั้น Businessหรือชั้นธุรกิจจำนวน 30 ที่นั่ง และ ชั้น Economyหรือชั้นประหยัด จำนวน 275 ที่นั่ง






ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมนี้ให้บริการ 6 วัน ต่อสัปดาห์ หรือเว้นเฉพาะวันจันทร์ และในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มเป็น7เที่ยวบินต่อสัปดาห์ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม2554และเส้นทางบินกรุงเทพมหา นคร สู่กรุงโดฮา จะเพิ่มจาก 2 เที่ยวบินต่อวัน เป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน และจะส่งผลทำให้ มีเที่ยวบินจากประเทศไทยไปสู่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เป็น 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และในช่วงเดียวกันที่เปิดเส้นทางบินสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียและภูเก็ต สายการบินกาตาร์ยังเปิดเส้นทางบินไปสู่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม , เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส,กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ,กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีและกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม





นายมาร์วาน โคไลลัท รองประธานอาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทอีสต์ เอเซีย เซาธ์เวสต์ แปซิฟิคกล่าวว่าตนเองโชคดี ที่เป็นผู้โดยสารเที่ยวบินปฐมฤกษ์คนหนึ่งและจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางแห่งที่สองหรือรองจากกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าผู้โดยสารตอบรับเป็นอย่างดีและสนใจใช้บริการสายการบินกาตาร์ และเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพและมีความเติบโตและ สามารถยืนยันได้ว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่สวยงามที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมชม ดังนั้นผู้โดยสารจากทวีปยุโรป อเมริกา อเมริกา แอฟริกาใต้หรือจากตะวันออกกลาง เดินทางมาเยือนภูเก็ต โดยสายการบินกาตาร์ และเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาสู่จังหวัดภูเก็ตและมีส่วนสนับสนุนและส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับชาวภูเก็ต ในขณะเดียวกันประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงสามารถใช้บริการไปสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกได้เช่นเดียวกัน เพราะมีเส้นทางเชื่อมโยงอยู่ 90 แห่ง และสายการบินกาตาร์ หวังที่จะสร้างมิตรภาพที่ดีกับประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ มีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้น






#

ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตโชว์ผลงานปราบปรามอาชญากรรม ต้อนรับวันตำรวจ 2553



ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์,พ.ร.บ.ยาเสพติดและ พ.ร.บ.อาวุธปืนและคดีที่สำคัญและน่าสนใจคือคดีผู้ต้องหาชาวพม่าโจรกรรมรถจักรยานยนต์และชำแหละส่งกลับประเทศ




เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมนี้เวลาประมาณ 11.30น.นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยร่วมกับพลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต,พันตำรวจเอกโกมล วัตรากรณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและพันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตและชุดจับกุมร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วยคดีเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และลักทรัพย์หรือรับของโจร และผู้ต้องหาปรกอบไปด้วยนายอดิศร หินแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/86 ถนนเจ้าฟ้า ตะวันออก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ,นายสันติ สุขจำลอง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่7 ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและนายสุรพงษ์ โพธิจันทร์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่12 ตำบลวังใหม่ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้วและยึดของกลางได้มากถึง49 รายการ ที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนตระเวนลักทรัพย์ตามหมู่บ้านต่าง ๆมาแล้วหลายครั้ง โดยนำไปจำนำหรือจำหน่ายและของกลางบางส่วนเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ 128/86 ซอยไพศาล ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและบ้านเลขที่108/86 ถนนเจ้าฟ้า ตะวันออก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต



นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหารายนายเศวตมน สุริตธุระการ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.1 ตำบลวัดสน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาพร้อมด้วยของกลางคือยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 186 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 1 ถุง ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวน 1 ถุง รวมทั้งอาวุธปืนพกสั้นกึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มิลลิเมตรยี่ห้อ สมิธแอนด์เวสสัน หมายเลขทะเบียน กท-5324255 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 7 นัด เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย,มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต






สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ พนักงานสอบสวน แจ้งว่า ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจในการจับกุมนายธอ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติพม่าที่ชุดสืบสวนสอบสวนสามารถยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข เอ็นเอฟ –110ที-0083639 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน กมย-288 ภูเก็ต,โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข ซี 100 เอ็มพีอี -0085231 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน ขกง-344 ลำปาง, โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข ซี 100 เอ็มพีอี-0085504 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน กมร-751 ภูเก็ต รวมทั้งโครงรถจักรยานยนต์ ไม่ปรากฏตัวเลข เพราะถูกขูดลบออกไปจำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์ ยี่ห้อ ซูซูกิ เสต็ป ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน นอกจากนี้ยังมีของกลางอุปกรณ์ส่วนควบของรถจักรยานยนต์ จำนวน 55ชิ้น,พลาสติก สีน้ำเงิน จำนวน 4 ใบ,กระสอบพลาสติก จำนวน 3 ใบ,ลังไม้ขนาดใหญ่ จำนวน 2 ใบ




พนักงานสอบสวนกล่าวหาว่านายธอร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักคนงานพม่า หมู่ที่4 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมนี้เวลาประมาณ 02.00 น.หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่าว่ามีชาวพม่าพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักนี้ มีพฤติกรรมตระเวนลักรถจักรยานยนต์ตามสถานที่ต่างๆ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุพบผู้ต้องหากำลังนั่งแยกชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์อยู่ภายในบ้าน






สอบถามนายธอ ผู้ต้องหาผ่านล่าม ให้การยอมรับว่ากำลังแยกชิ้นส่วนรถเพื่อบรรจุใส่ถังพลาสติก และจะบรรจุลังไม่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีนายต๋อง คนไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ใช้รถยนต์บรรทุกรถจักรยานยนต์มาให้ผู้ต้องหาแยกชิ้นส่วน หลังจากบรรจุในภาชนะเรียบร้อยแล้ว นายต๋องจะมารับ เพื่อจัดส่งไปยังเมืองเมียวดี ประเทศพม่า จากการตรวจสอบของกลางโครงรถจักรยาน ยนต์ลำดับที่ 1 มี นางสาวจรินทร มูลเพ็ชร อยู่บ้านเลขที่ 59/159 หมู่ที่7 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต แจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนของกลางรายการอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางดังกล่าวข้างต้นนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย



#

เพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวดำน้ำชื่อ" ลดาวัลย์ 2"ที่คลองท่าจีน จังหวัดภูเก็ต



เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวดำน้ำชื่อ ลดาวัลย์ 2 ที่บริเวณคลองท่าจีนจังหวัดภูเก็ตทำให้เสียหายทั้งลำและจมลงแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ3คนและมี1คนที่ไฟไหม้ร่างกายต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. วันที่ 13 ตุลาคมนี้พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง สารวัตรเวรสถานีตำรวจ ภูธรเมืองภูเก็ตรับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้ยินเสียงระเบิดและมีเพลิงลุกไหม้เรือ ไดวิ่ง ที่จอดซ่อมบำรุงอยู่บริเวณท่าเรือติลก ถนนศรีสุทัศน์ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนหนึ่ง จากนั้นได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ และพร้อมด้วย พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตนำกำลังสายตรวจรัษฎา รถน้ำและรถดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฎา เทศบาลนครภูเก็ตและหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ



สำหรับเรือลำที่เกิดเหตุ เป็นเรือไดวิ่งที่ให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำ ชื่อลดาวัลย์ 2 เป็นของบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์ส จำกัด ( WEST COAST DIVERS LTD.) จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าจุดที่เกิดระเบิดขึ้นนั้น อยู่ที่บริเวณห้องเครื่องยนต์ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ลุกลามจนเรือเสียหายทั้งลำในขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำรถน้ำและรถดับ เพลิงของเทศบาลตำบลรัษฎา และเทศบาลนครภูเก็ตต้องช่วยกันระดมรถฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ โดยใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง



อย่างไรก็ดีเนื่องจากเรือจอดอยู่ในคลองท่าจีนที่เชื่อมกับทะเลอ่าวสิเหร่ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จนเพลิงไหม้เรือเสียหายทั้งลำและเรือได้จมลงในเวลาต่อมา และในระหว่างที่เกิดเหตุนั้นมีคนงานซ่อมแซมอยู่ในเรือจำนวน 7 คน ปรากฏว่าได้รับบาดเจ็บทั้งหมดและในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คนจากไฟลวกตามร่างกายและผู้ประสบเหตุและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสันนิษฐานว่าปัญหาเกิดระเบิดและเพลิงไหม้เรือในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการใช้เครื่องมือเชื่อมอุปกรณ์เครื่องยนต์ต่างๆภายในเรือและเกิดประกายไฟขึ้นมา และมีส่วนทำให้เพลิงไหม้ลุกลามได้ ส่วนสาเหตุที่ชัดเจนทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและจะต้องให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจภูธรเขต 44 ภูเก็ต ตรวจสอบในเชิงวิชาการอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง



นายประเทือง บุญรอด กับตันเรือสายไหม 2 ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ก่อนเกิดเกิดเหตุไฟไหม้เรือไดวิง ลดาวัลย์ 2 ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากเรือลำนี้1 ครั้งและในเวลาต่อมาไฟเริ่มลุกไหม้เรือลำเกิดเหตุอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเห็นคนงานที่ได้รับบาดเจ็บวิ่งออกมาจากตัวเรือจึงได้ช่วยเหลือนำขึ้นบนเรือลำสายไหม 2 ที่รับผิดชอบอยู่ ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากการซ่อมแซมเรือและความเสียหายในเบื้องต้นประเมินว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท



ทางด้านนางสาวสมใจ กานดี พนักงานบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์สจำกัดกล่าวว่าเรือลดาวัลย์ 2 มีอายุประมาณ 8-9 ปี สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 30 คน โดยปกติเรือลำนี้จะให้บริการนำนักท่องเที่ยวจากท่าเทียบเรือบ้านทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเป็นเวลานานประมาณ 6 เดือน และจะนำกลับมาซ่อมบำรุงที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้เรือ ผู้เกี่ยวข้องได้นำเรือลงจากคานเรือเพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนที่จะนำไปให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น คงไม่สามารถที่จะซ่อมแซมเรือได้ทัน ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จองโปรแกรมดำน้ำเอาไว้แล้ว คงต้องกระจายให้กับเรือบริการดำน้ำลำอื่นที่มีเส้นทางท่องเที่ยวเดียวกันแทน

สำหรับสาเหตุไฟไหม้เรือในครั้งนี้พนักงานบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์ส จำกัด รายเดิมกล่าวว่า เมื่อสอบถามพนักงาน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุทราบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุนั้น พนักงานกำลังใช้อุปกรณ์เครื่องเชื่อม บริเวณท่อไอเสียเครื่องเรือ และในช่วงเดียวกันพนักงานอีกคนนำน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อไปล้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเครื่องไดนาโม ทำให้เกิดประกายไฟจากการเชื่อมท่อไอเสียมาโดนน้ำมัน จึงเกิดเกิดลุกไหม้ขึ้นในทันที เบื้องต้นค่าเสียหาย ประเมินว่าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท



ล่าสุด พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สามารถสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้เรือไดวิง ลดาวัลย์ 2ไปแล้ว 2 คน ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากความประมาทของช่างที่เข้าไปซ่อมท่อไอเสียและใช้น้ำมันล้างไดนาโมภายในห้องเครื่อง อย่างไรก็ตามจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้เรือที่แท้จริงอีกครั้ง และในขณะนี้เรือลำเกิดเหตุจมลงในคลองท่าจีนแล้ว ส่วนนายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้เรือลดาวัลย์ 2 นั้นในเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวน 3 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล1คนเพราะได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟไหม้ตามร่างกายประมาณ 4%
#