วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555
C.A.T.9 ท่าอากาศยานภูเก็ต ดูแลรับผิดชอบ AIRBERLIN เที่ยวบินที่ AB 7425
นายสุทีพ แสนศิริพันธุ์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ฝ่ายอำนวยการ รักษาการแทนนายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ที่เดินทางไปราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ ที่กัปตันของสายการบิน AIRBERLINเที่ยวบินที่ AB 7425 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 249 คน มีเส้นทางบินภูเก็ต-อาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์-กรุงเบอร์ลิน ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเบอรมัน แจ้งขออนุญาตหอบังคับการบินภูเก็ตเพื่อทำการบินลงฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเมื่อเวลา21.20 น.ของวันที่ 20 ธันวาคมนี้หลังจากที่เริ่มการบินออกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ไปในเวลาประมาณ 20.30 น. หรือ ผ่านไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น ในเรื่องนี้ เมื่อได้รับการแจ้งเหตุแล้ว ทางท่าอากาศยานภูเก็ต ที่มี ผู้อำนวยการ ตนเอง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เรียกระดมกำลัง ให้ครบถ้วน ตามหลักการสากลของท่าอากาศยานทั่วโลก ที่มีเหตุการณ์แล่นลงฉุกเฉิน คือ C.A.T.9 ที่จะต้องมีรถน้ำและรถดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงครบถ้วน รวม 4 คัน ตลอดจน รถพยาบาลฉุกเฉินไปร่วมปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหา และเชื่อว่า สามารถสร้างความเชื่อมั่นในสวัสดิภาพความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด ที่อยู่บนเครื่องของสายการบิน ที่เกิดเหตุนี้ได้
รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ฝ่ายอำนวยการกล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่ตรวจสอบได้คือ กัปตันได้ Declare กับเจ้าหน้าที่ประจำหอบังคับการบินภูเก็ตหรือศูนย์ควบคุมการบินภูเก็ต บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่า ในขณะที่ทำการบินไปได้ประมาณ 20 นาที ปรากฏว่า เครื่องยนต์ด้านซ้ายดับไป จึงตัดสินใจขอกลับมาแล่นลงฉุกเฉิน ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อเครื่องบินแล่นลงมาแล้ว เมื่อห้ามล้อในขณะที่ เครื่องยนต์ไม่ได้เดินใช้งาน ครบถ้วน ทุกระบบ ทำให้ยางล้อเครื่องบิน แตกไปทั้งหมด 3 เส้น และ กัปตัน พยายามประคองเครื่องบิน ให้อยู่ ในทางรันเวย์ ในเรื่องนี้ ผู้โดยสารและผู้เกี่ยวข้อง ทราบดีว่า เหตุเครื่องบิน แล่นลงฉุกเฉิน เป็นเหตุสุดวิสัย การ Delayed ไม่ใช่ความผิดของท่าอากาศยานภูเก็ต แต่ภายหลังจากเกิดเหตุแล้ว ก็มีรถShuttle Bus เข้าไปรับผู้โดยสารทั้งหมด ออกจากพื้นที่เกิดเหตุทันที
ท่าอากาศยานภูเก็ต อำนวยความสะดวกเบื้องต้น ทั่วไป คือ จัดหาสถานที่ให้พักผ่อนที่เหมาะสม เสริฟน้ำดื่ม และให้รอการช่วยเหลือจาก สายการบินและบริษัท ที่รับผิดชอบ ในกรณีที่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ประกาศ ปิดทำการบินทุกเส้นทางนานประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อให้ ช่างเทคนิคของบริษัทการไทยจำกัด (มหาชน) ที่ให้บริการซ่อมบำรุงหรือดูแลเครื่องบิน ของสายการบินต่างๆ ขึ้น-ลง ไปเปลี่ยนยางล้อหรือซ่อมแซม เครื่องบินเครื่องบินแบบAirbus 330-200 เที่ยวระหว่างประเทศนี้ เพื่อลากให้พ้นจากรันเวย์ได้สำเร็จ และสามารถเปิดท่าอากาศยานภูเก็ต ให้ทำการบินได้ตามปกติ ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 02.30น. เมื่อเช้ามืดวันที่ 21 ธันวาคมนี้ และเมื่อผู้รับชอบของสายการบินนี้ เข้ามาประสานงาน ในเวลาไม่นานนัก ก็สามารถ ลำเลียงผู้โดยสารไปพักที่โรงแรม ในพื้นที่ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ตด้วยความเรียบร้อยทุกประการ
“ เครื่องยนต์ด้านซ้ายขัดข้อง กัปตัน ขอนำเครื่องร่อนลงฉุกเฉิน และปรากฏว่า ยางล้อระเบิดไปอีก 3 เส้น กลุ่มผู้โดยสารหรือนักท่องเที่ยว ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน ในภาพรวม เขาคงตกใจเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว แต่ ภาพที่เกิดขึ้น ผู้โดยสารและลูกเรือปลอดภัย ทุกคน คิดว่า ผู้โดยสารของผ่อนคลายความวิตกกังวลไปได้บ้าง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน สำหรับ ในเวลานี้ เครื่องบิน ของสายการบิน AIRBERLIN จอดอยู่ด้านข้างรันเวย์ เพื่อรอให้วิศวกรเครื่องบินหรือช่างผู้ชำนาญการ เข้าตรวจสอบเครื่องยนต์ ตัวเครื่องบิน และระบบล้อยางที่เกิดระเบิด เพื่อซ่อมแซมให้เรียบร้อยต่อไป ส่วนจะแล้วเสร็จ เมื่อใดนั้น ไม่ทราบได้ แต่ถือว่าการให้บริการอำนวยความสะดวก ในครั้งนี้ของท่าอากาศยานภูเก็ต มีความสมบูรณ์ในตัวแล้ว “ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ฝ่ายอำนวยการกล่าว
#
หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ตระบุว่าการจัดงานรำลึกสึนามิในปีนี้หน่วยงานต่างๆพิจารณาจัดอย่างเรียบง่ายในพื้นที่เสี่ยงภัยต่างๆ รวมทั้ง อบจ.ภูเก็ตจัดไลท์อัพภูเก็ต และจังหวัดจัดงานวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติประจำปี
นายสันติ์ จันทรวงษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์ ธรณีพิบัติภัยหรือสึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของกลุ่มประชาชนและ นักท่องเที่ยว ในพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัด อันดามัน หรือจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง ระนอง สตูลและจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก จากนั้นในปีต่อมา หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน รวมทั้งเครือญาติผู้เสียชีวิตหรือสูญหายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ กำหนดการจัดงานรำลึก สึนามิอย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับในปีนี้ วันที่ 26 ธันวาคม 2555 มีการประกอบพิธีทางศาสนา ในช่วงเช้า ที่บริเวณสุสานไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ที่เคยเป็นสถานที่เก็บศพและตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ที่จัดโดย องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้อง พยายามจัดพิธีแบบเรียบง่าย ส่วนที่บริเวณหาดป่าตอง และหาดกมลา อำเภอกะทู้ ทราบว่าไม่มีการประกอบพิธีทางศาสนาทั้งในช่วงเช้าและบ่าย รวมทั้ง การจัดนิทรรศการเหมือนเช่นทุกปี
อย่างไรก็ดีทราบว่าทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กำหนดจัดงานไลท์อัพ ภูเก็ต(Light Up Phuket ) ที่บริเวณสวนสาธารณะโลมา หาดป่าตอง ในช่วงค่ำของวันที่ 26 ธันวาคม เพื่อเปิดโอกาสให้ญาติผู้สูญเสียร่วมกันรำลึกถึงภัยสึนามิ ในขณะที่จังหวัดภูเก็ต โดยนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กำหนดให้มีการจัดงาน วันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติประจำปีและเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและ ลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 โครงการสวมหมวกนิรภัย 100เปอร์เซ็นต์ ที่กำหนดจัดงาน ในวันที่ 25 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00น.ที่หอประชุม วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ส่วนการซ้อมแผนอพยพ หนีภัย สึนามิ ในพื้นที่เสี่ยงภัย ครอบคลุม6 จังหวัด อันดามัน ที่เคยปฏิบัติ มานั้น ในปีนี้ จำเป็นต้องรอ แผนปฏิบัติงานจาก กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แม้ว่า ไม่มีการซ้อมแผนอพยพหนีภัย ในวันที่ 26 ธันวาคม นี้แต่ทางจังหวัดภูเก็ตยังมีการซ้อมอพยพหนีภัย สึนามิ เป็นประจำ ปีละ 1 ครั้ง คาดว่า หลัง เดือนมกราคม 2556 จะประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดวัน เวลา สถานที่ ในการซ้อมอพยพหนีภัย สึนามิ กันให้ชัดเจนต่อไป
#
วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ควาย 9 ตัว
ฝูงควายทั้งเก้า เจ้ากินฟางหญ้า ไถไร่ไถนา จนมีข้าวมา หุงหาให้กิน — at บ้านวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่.
วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
นักวิชาการห่วงใยปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว

เมื่อวันที่ 21 มกราคมนี้ นายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษและหัวหน้ากลุ่มชีววิทยาและนิเวศวิทยาทางทะเลและชายฝั่งสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวถึงปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในแนวปะการัง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันเสียหายว่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นมีแนวปะการังกระจายตัวอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินารถ หาดในยาง ใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง และในบริเวณนี้ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชไม่ได้สั่งปิดแต่อย่างใด แต่ได้รับความเสียหายจากปัญหาปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเหมือนกับแหล่งปะการังในพื้นที่อื่นๆ เพียงแต่ว่าจุดที่ดำน้ำดูปะการังอยู่ลึกลงไปและเข้าใจว่า การดำน้ำตื้นไม่มีผลกระทบ เพราะส่วนพื้นที่ปะการังในน้ำตื้นของอุทยานแห่งนี้แนวปะการังดังกล่าว ได้รับความเสียหายหรือกลายเป็นผงไปแล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการฟอกขาวมานานหลายปีแล้ว
สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุหลายๆเรื่องคือ กรณีน้ำตื้นโดยเฉพาะในโซนที่เป็นพื้นราบเมื่อน้ำแห้งเต็มที่แล้ว แนวปะการังจะโผล่พ้นน้ำ ส่วนสภาพแวดล้อมเกิดความเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นมีฝนตกและน้ำจืดจากตัวเกาไหลลงไปสมทบน้ำทะเล และเมื่อแดดออก แดดเผาช่วงน้ำลง ซึ่ง เป็นลักษณะของธรรมชาติที่เกิดขึ้น แต่ในระยะหลังมาเมื่อไม่กี่ปี เคยคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินารถ ทราบว่า มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางไหลของน้ำจืดจากคลองบนฝั่ง โดยน้ำจืดไหลลงทะเลใกล้เขตแนวปะการังเมื่อมีการถมพื้นที่ป่าพรุ ทำให้เส้นทางของคลองเปลี่ยนไปซึ่งอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่สร้างความเสื่อมโทรมต่อแนวปะการังนี้ได้
นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษและหัวหน้ากลุ่มชีววิทยาและนิเวศวิทยาทางทะเลและชายฝั่งสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนกล่าวว่าพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงจากปัญหาปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในแนวปะการัง ในปัจจุบันในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่เกาะราชาใหญ่ ในพื้นที่ของตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ตบางส่วนเช่นที่บริเวณอ่าวสยาม เสียหายมาก เพราะเป็นแนวปะการังเขากวางผืนใหญ่ นอกจากนี้บริเวณเกาะแอว ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต ใกล้กับสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน แหลมพันวา ทางด้านตอนใต้ ที่นี่ ปะการังได้รับความเสียหายเป็นพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่ง ในขณะที่แนวปะการังของเกาะเฮ ตำบลราไวย์ ด้านตอนเหนือที่มีความเสียหายมากกว่าครึ่งหนึ่งด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้นายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษและหัวหน้ากลุ่มชีววิทยาและนิเวศวิทยาทางทะเลและชายฝั่งสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนระบุด้วยว่า ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่มีข้อมูลปะการังฟอกขาว ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกและด้านตอนใต้หรือในหมู่เกาะบริวารของเกาะภูเก็ต ส่วนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกของเกาะภูเก็ตนั้น ยังไม่ได้ไปตรวจสอบ คิดว่าประมาณสัปดาห์หน้าจะลงไปตรวจสอบในบางพื้นที่ได้ เช่นอุทยานแห่งชาติสิรินารถ หาดในยาง ,หาดบางเทาอำเภอถลาง, หาดกมลาและหาดป่าตอง อำเภอกะทู้ ซึ่งจะต้องทยอยสำรวจไล่ลงมา ในเบื้องต้นคาดว่า มีความเสียหายจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเช่นเดียวกัน ส่วนจะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด จะรายงานให้ทราบต่อไป
พร้อมกันนี้นายนิพนธ์ยังกล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางป้องกันหรือบรรเทาความเสียหายในแนวปะการังที่ฟอกขาวไปแล้วด้วยว่า การปิดพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทางทะเลต่างๆในหลายจังหวัด ถือว่าเป็นแนวทางหนึ่ง เพราะควรจะปิดพื้นที่ในแหล่งที่ มีการท่องเที่ยวที่หนาแน่น และพื้นที่ท่องเที่ยวเหล่านั้น มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบเพิ่มเติม จากการยืนเหยียบของนักท่องเที่ยวรวมทั้งการทิ้งสมอเรือ ตลอดจนการดำน้ำและไปกระแทกปะการังและทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้จำแนกพื้นที่ออกมาแล้วว่าตรงบริเวณไหนบ้างที่จะปิด ส่วนมาตรการอื่นๆนั้น คือการขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ให้อธิบายแก่นักท่องเที่ยว เพื่อเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้และหลีกเลี่ยงการกระทำการใดๆที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังเพิ่มขึ้นอีก เช่นการไปยืนเหยียบปะการังไม่ได้ แม้แต่การดำน้ำโดยใช้สน็อคเคิล ก็ควรละเว้นในแหล่งปะการังน้ำตื้นมากมาก หรือสามารถยืนถึงตัวแนวปะการัง หรือ ให้ลงไปดูได้ ในช่วงที่น้ำขึ้นหรือมีน้ำท่วมสูง ที่ให้ลงดำน้ำดูได้
“สำหรับการหยิบ การเก็บปะการัง เป็นข้อห้ามสำคัญอีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่ได้เด็ดขาด เพราะมีกฎหมายหรือพระราชบัญญัติประมงห้ามอยู่แล้ว แต่ ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีความตระหนักกันในเรื่องนี้ จึงต้องเน้นให้นักท่องเที่ยวและผู้เกี่ยวข้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมากขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ส่วนแนวทางที่สามารถกระทำได้คือการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และการฝึกอบรมไกด์ทัวร์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการฝึกอบรมปีละกี่ครั้ง และผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตรหรือผ่านการอบรม เขาต้องกลับมาฝึกอบรมซ้ำหรือทบทวนมากน้อยแค่ไหน และทาง ททท. หรือสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ รวมทั้งสถาบันการศึกษาในพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั่วประเทศ จะต้องเพิ่มความเข้มงวดกวดขันมากขึ้นไปด้วย” นายนิพนธ์กล่าวและว่า ทางกรมทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน มีโครงการจัดฝึกอบรม ในลักษณะเช่นนี้เช่นเดียวกันในแต่ละปี และเรื่องนี้เห็นว่า มีความสำคัญ เพราะผู้ที่เป็นไกด์ทัวร์หรือมัคคุเทศก์ทางทะเลและชายฝั่ง ทำงานใกล้ชิดกับพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ในทะเล ควรได้รับการอบรมซ้ำหรือทบทวนสม่ำเสมอ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ควรพิจารณาด้วยเหมือนกัน เพราะบางที ตนเองเห็นผู้ขับขี่เรือสปีดโบท พานักท่องเที่ยวไปดำน้ำ บางลำยังทิ้งสมอเรือลงไปบนแนวปะการัง และไม่อธิบายนักท่องเที่ยวว่า สิ่งที่ควรกระทำคืออะไร
นายนิพนธ์กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา นักศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง ผลกะทบจากการดำน้ำตื้นที่เกาะไข่ โดยออกแบบมาตรการ การจัดการรองรับ เพื่อพิจารณาดูว่าจะสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะการศึกษาพื้นที่เกาะไข่โดยสรุปคือ พบว่ามีผลกระทบจากการท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยวเกินความสามารถของพื้นที่ท่องเที่ยวในการรองรับหรือ Carrying Capacity อยู่ เนื่องจากพื้นที่เกาะไข่มีขนาดเล็ก สิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอ สำหรับ นักท่องเที่ยวจำนวนมากในขณะท่องเที่ยวในแต่ละวัน
อย่างไรก็ดีนายนิพนธ์กล่าวว่า ถ้ามองในภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต การปิดพื้นที่แนวปะการังที่เสียหายจากปรากฏการณ์ฟอกขาว จะมีความยุ่งยากมากกว่าในเขตอุทยาน เพราะว่าผู้ประกอบการภาคเอกชนที่มาทำธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเล ดำน้ำ ค่อนข้างที่จะมีความหลากหลายมากและหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการจัดการพื้นที่ มีความหลากหลายเช่นเดียวกัน คือมีทั้งจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น กรมประมงเกี่ยวข้องในเขตรักษาพืชพันธุ์ ส่วนกรมทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนเกี่ยวข้องในทุกกรณี

ทั้งนี้ในเบื้องต้น คิดว่าสิ่งที่ทำได้ ในพื้นที่แนวปะการังฟอกขาว นอกเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล ในจังหวัดภูเก็ต หรือที่อื่นๆ แม้ว่าจะไม่ปิดพื้นที่ แต่ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็ต้องเข้าไปจัดการ เช่น ยกตัวอย่างกรณีของเกาะเฮ ตำบลราไวย์ เป็นแนวปะการังเขตน้ำตื้น ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบว่า มีคนเข้าไปเหยียบปะการังจำนวนมาก หน่วยงานราชการกรมประมงและป่าชายเลน ต้องเข้าไปดูแล เทศบาลตำบลราไวย์ เจ้าของพื้นที่ ต้องออกมาตรการที่ชัดเจนมา ในกรณีที่มีคนขึ้นไปเหยียบแนวปะการัง อาจจะมีการพิจารณาลงโทษ ปรับ ตามข้อบัญญัติท้องถิ่นรวมทั้งการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ไกด์ทัวร์ เพื่อให้แจ้งต่อลูกทัวร์อีกต่อเนื่องเกี่ยวกับข้อห้ามในการดำน้ำดูปะการัง
#
ป้ายกำกับ:
Coral Bleaching In Andaman Sea And Thai Gulf
วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สายการบินกาตาร์เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์จากกรุงโดฮาผ่านกรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียสู่ภูเก็ต
เมื่อคืนวันที่ 12 ตุลาคมนี้เวลา21.15 น.ที่ห้องรับรองวีไอพี ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตนายมาร์วาน โคไลลัท รองประธานอาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทอีสต์ เอเซีย เซาธ์เวสต์ แปซิฟิค พร้อมด้วยคณะร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินกาตาร์หรือQATAR AIRWAYS สายการบินแห่งชาติของกาตาร์ที่เริ่มเปิดเส้นทางบินระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติโดฮาแห่งใหม่ กรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียมาสู่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทยและมีกำหนดการมาถึงจังหวัดภูเก็ต เมื่อเวลา 22.25 น.โดยมีนายนฤนาท สุภัทรประทีป นายอำเภอถลางพร้อมด้วยนายสุทีฟ แสนสิริพันธุ์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดี
ในโอกาสเดียวกันนี้นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต,พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, นายสมบูรณ์ จิรายุส นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต,นายสุชาติ หิรัณย์กนกกุล ,นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวมาร่วมด้วย พร้อมกันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ตมอบช่อดอกไม้สดเพื่อเป็นเกียรติ สำหรับลูกเรือและผู้โดยสารและมีตัวแทนพนักงานท่าอากาศยานภูเก็ตและคณะนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตแต่งกายไทยสี่ภาคถือป้ายผ้ารวมทั้งบรรเลงดนตรีไทยและระบำอวยพรต้อนรับด้วย
สำหรับการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินกาตาร์ สายการบินระดับ 5 ดาวในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต หรือเป็นเส้นทางบินที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังเป็นสายการบินประจำลำดับที่ 31 ที่ให้บริการที่จังหวัดภูเก็ต โดยใช้เครื่องบิน แบบแอร์บัส A330-300s มีผู้โดยสารชายหญิงรวม45คนและกัปตัน2คนและลูกเรืออีก13คนใช้เวลาบินจากกรุงโดฮาผ่านกรุงกัวลาลัม เปอร์ประเทศมาเลเซียและเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตประมาณ 8 ชั่วโมง จากความสามารถสูงสุด ในการรองรับผู้โดยสารชั้น Businessหรือชั้นธุรกิจจำนวน 30 ที่นั่ง และ ชั้น Economyหรือชั้นประหยัด จำนวน 275 ที่นั่ง
ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมนี้ให้บริการ 6 วัน ต่อสัปดาห์ หรือเว้นเฉพาะวันจันทร์ และในวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มเป็น7เที่ยวบินต่อสัปดาห์ต่อเนื่องถึงเดือนมกราคม2554และเส้นทางบินกรุงเทพมหา นคร สู่กรุงโดฮา จะเพิ่มจาก 2 เที่ยวบินต่อวัน เป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน และจะส่งผลทำให้ มีเที่ยวบินจากประเทศไทยไปสู่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เป็น 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และในช่วงเดียวกันที่เปิดเส้นทางบินสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียและภูเก็ต สายการบินกาตาร์ยังเปิดเส้นทางบินไปสู่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม , เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส,กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ,กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีและกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม
นายมาร์วาน โคไลลัท รองประธานอาวุโสฝ่ายการพาณิชย์ บริษัทอีสต์ เอเซีย เซาธ์เวสต์ แปซิฟิคกล่าวว่าตนเองโชคดี ที่เป็นผู้โดยสารเที่ยวบินปฐมฤกษ์คนหนึ่งและจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางแห่งที่สองหรือรองจากกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าผู้โดยสารตอบรับเป็นอย่างดีและสนใจใช้บริการสายการบินกาตาร์ และเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตมีศักยภาพและมีความเติบโตและ สามารถยืนยันได้ว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่สวยงามที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมชม ดังนั้นผู้โดยสารจากทวีปยุโรป อเมริกา อเมริกา แอฟริกาใต้หรือจากตะวันออกกลาง เดินทางมาเยือนภูเก็ต โดยสายการบินกาตาร์ และเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาสู่จังหวัดภูเก็ตและมีส่วนสนับสนุนและส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับชาวภูเก็ต ในขณะเดียวกันประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงสามารถใช้บริการไปสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกได้เช่นเดียวกัน เพราะมีเส้นทางเชื่อมโยงอยู่ 90 แห่ง และสายการบินกาตาร์ หวังที่จะสร้างมิตรภาพที่ดีกับประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ มีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้น
#
ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตโชว์ผลงานปราบปรามอาชญากรรม ต้อนรับวันตำรวจ 2553
ตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์,พ.ร.บ.ยาเสพติดและ พ.ร.บ.อาวุธปืนและคดีที่สำคัญและน่าสนใจคือคดีผู้ต้องหาชาวพม่าโจรกรรมรถจักรยานยนต์และชำแหละส่งกลับประเทศ
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมนี้เวลาประมาณ 11.30น.นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยร่วมกับพลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต,พันตำรวจเอกโกมล วัตรากรณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและพันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตและชุดจับกุมร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วยคดีเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และลักทรัพย์หรือรับของโจร และผู้ต้องหาปรกอบไปด้วยนายอดิศร หินแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/86 ถนนเจ้าฟ้า ตะวันออก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ,นายสันติ สุขจำลอง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 หมู่ที่7 ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและนายสุรพงษ์ โพธิจันทร์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่12 ตำบลวังใหม่ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้วและยึดของกลางได้มากถึง49 รายการ ที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนตระเวนลักทรัพย์ตามหมู่บ้านต่าง ๆมาแล้วหลายครั้ง โดยนำไปจำนำหรือจำหน่ายและของกลางบางส่วนเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ 128/86 ซอยไพศาล ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ตและบ้านเลขที่108/86 ถนนเจ้าฟ้า ตะวันออก ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหารายนายเศวตมน สุริตธุระการ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.1 ตำบลวัดสน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาพร้อมด้วยของกลางคือยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 186 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 1 ถุง ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) จำนวน 1 ถุง รวมทั้งอาวุธปืนพกสั้นกึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มิลลิเมตรยี่ห้อ สมิธแอนด์เวสสัน หมายเลขทะเบียน กท-5324255 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวน 7 นัด เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย,มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ พนักงานสอบสวน แจ้งว่า ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจในการจับกุมนายธอ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติพม่าที่ชุดสืบสวนสอบสวนสามารถยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข เอ็นเอฟ –110ที-0083639 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน กมย-288 ภูเก็ต,โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข ซี 100 เอ็มพีอี -0085231 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน ขกง-344 ลำปาง, โครงรถจักรยานยนต์ หมายเลข ซี 100 เอ็มพีอี-0085504 จำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์หมายเลขทะเบียน กมร-751 ภูเก็ต รวมทั้งโครงรถจักรยานยนต์ ไม่ปรากฏตัวเลข เพราะถูกขูดลบออกไปจำนวน 1 โครง ตรวจสอบเป็นโครงรถจักรยายนต์ ยี่ห้อ ซูซูกิ เสต็ป ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน นอกจากนี้ยังมีของกลางอุปกรณ์ส่วนควบของรถจักรยานยนต์ จำนวน 55ชิ้น,พลาสติก สีน้ำเงิน จำนวน 4 ใบ,กระสอบพลาสติก จำนวน 3 ใบ,ลังไม้ขนาดใหญ่ จำนวน 2 ใบ
พนักงานสอบสวนกล่าวหาว่านายธอร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักคนงานพม่า หมู่ที่4 ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมนี้เวลาประมาณ 02.00 น.หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่าว่ามีชาวพม่าพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักนี้ มีพฤติกรรมตระเวนลักรถจักรยานยนต์ตามสถานที่ต่างๆ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุพบผู้ต้องหากำลังนั่งแยกชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์อยู่ภายในบ้าน
สอบถามนายธอ ผู้ต้องหาผ่านล่าม ให้การยอมรับว่ากำลังแยกชิ้นส่วนรถเพื่อบรรจุใส่ถังพลาสติก และจะบรรจุลังไม่อีกครั้งหนึ่ง โดยมีนายต๋อง คนไทยไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ใช้รถยนต์บรรทุกรถจักรยานยนต์มาให้ผู้ต้องหาแยกชิ้นส่วน หลังจากบรรจุในภาชนะเรียบร้อยแล้ว นายต๋องจะมารับ เพื่อจัดส่งไปยังเมืองเมียวดี ประเทศพม่า จากการตรวจสอบของกลางโครงรถจักรยาน ยนต์ลำดับที่ 1 มี นางสาวจรินทร มูลเพ็ชร อยู่บ้านเลขที่ 59/159 หมู่ที่7 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต แจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนของกลางรายการอื่นๆ กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดของกลางดังกล่าวข้างต้นนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
#
เพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวดำน้ำชื่อ" ลดาวัลย์ 2"ที่คลองท่าจีน จังหวัดภูเก็ต

เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวดำน้ำชื่อ ลดาวัลย์ 2 ที่บริเวณคลองท่าจีนจังหวัดภูเก็ตทำให้เสียหายทั้งลำและจมลงแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ3คนและมี1คนที่ไฟไหม้ร่างกายต้องพักรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 10.50 น. วันที่ 13 ตุลาคมนี้พ.ต.ท.เศียร แก้วทอง สารวัตรเวรสถานีตำรวจ ภูธรเมืองภูเก็ตรับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้ยินเสียงระเบิดและมีเพลิงลุกไหม้เรือ ไดวิ่ง ที่จอดซ่อมบำรุงอยู่บริเวณท่าเรือติลก ถนนศรีสุทัศน์ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนหนึ่ง จากนั้นได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ และพร้อมด้วย พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตนำกำลังสายตรวจรัษฎา รถน้ำและรถดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฎา เทศบาลนครภูเก็ตและหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

สำหรับเรือลำที่เกิดเหตุ เป็นเรือไดวิ่งที่ให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำ ชื่อลดาวัลย์ 2 เป็นของบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์ส จำกัด ( WEST COAST DIVERS LTD.) จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าจุดที่เกิดระเบิดขึ้นนั้น อยู่ที่บริเวณห้องเครื่องยนต์ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ลุกลามจนเรือเสียหายทั้งลำในขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำรถน้ำและรถดับ เพลิงของเทศบาลตำบลรัษฎา และเทศบาลนครภูเก็ตต้องช่วยกันระดมรถฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ โดยใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบลง
อย่างไรก็ดีเนื่องจากเรือจอดอยู่ในคลองท่าจีนที่เชื่อมกับทะเลอ่าวสิเหร่ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จนเพลิงไหม้เรือเสียหายทั้งลำและเรือได้จมลงในเวลาต่อมา และในระหว่างที่เกิดเหตุนั้นมีคนงานซ่อมแซมอยู่ในเรือจำนวน 7 คน ปรากฏว่าได้รับบาดเจ็บทั้งหมดและในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คนจากไฟลวกตามร่างกายและผู้ประสบเหตุและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสันนิษฐานว่าปัญหาเกิดระเบิดและเพลิงไหม้เรือในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการใช้เครื่องมือเชื่อมอุปกรณ์เครื่องยนต์ต่างๆภายในเรือและเกิดประกายไฟขึ้นมา และมีส่วนทำให้เพลิงไหม้ลุกลามได้ ส่วนสาเหตุที่ชัดเจนทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและจะต้องให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตำรวจภูธรเขต 44 ภูเก็ต ตรวจสอบในเชิงวิชาการอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
นายประเทือง บุญรอด กับตันเรือสายไหม 2 ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ก่อนเกิดเกิดเหตุไฟไหม้เรือไดวิง ลดาวัลย์ 2 ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากเรือลำนี้1 ครั้งและในเวลาต่อมาไฟเริ่มลุกไหม้เรือลำเกิดเหตุอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเห็นคนงานที่ได้รับบาดเจ็บวิ่งออกมาจากตัวเรือจึงได้ช่วยเหลือนำขึ้นบนเรือลำสายไหม 2 ที่รับผิดชอบอยู่ ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดจากการซ่อมแซมเรือและความเสียหายในเบื้องต้นประเมินว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ทางด้านนางสาวสมใจ กานดี พนักงานบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์สจำกัดกล่าวว่าเรือลดาวัลย์ 2 มีอายุประมาณ 8-9 ปี สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 30 คน โดยปกติเรือลำนี้จะให้บริการนำนักท่องเที่ยวจากท่าเทียบเรือบ้านทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวเป็นเวลานานประมาณ 6 เดือน และจะนำกลับมาซ่อมบำรุงที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้เรือ ผู้เกี่ยวข้องได้นำเรือลงจากคานเรือเพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนที่จะนำไปให้บริการนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น คงไม่สามารถที่จะซ่อมแซมเรือได้ทัน ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จองโปรแกรมดำน้ำเอาไว้แล้ว คงต้องกระจายให้กับเรือบริการดำน้ำลำอื่นที่มีเส้นทางท่องเที่ยวเดียวกันแทน
สำหรับสาเหตุไฟไหม้เรือในครั้งนี้พนักงานบริษัทเวสต์โคสต์ ไดเวอร์ส จำกัด รายเดิมกล่าวว่า เมื่อสอบถามพนักงาน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุทราบว่าก่อนที่จะเกิดเหตุนั้น พนักงานกำลังใช้อุปกรณ์เครื่องเชื่อม บริเวณท่อไอเสียเครื่องเรือ และในช่วงเดียวกันพนักงานอีกคนนำน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อไปล้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเครื่องไดนาโม ทำให้เกิดประกายไฟจากการเชื่อมท่อไอเสียมาโดนน้ำมัน จึงเกิดเกิดลุกไหม้ขึ้นในทันที เบื้องต้นค่าเสียหาย ประเมินว่าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

ล่าสุด พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สามารถสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้เรือไดวิง ลดาวัลย์ 2ไปแล้ว 2 คน ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากความประมาทของช่างที่เข้าไปซ่อมท่อไอเสียและใช้น้ำมันล้างไดนาโมภายในห้องเครื่อง อย่างไรก็ตามจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานเพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้เรือที่แท้จริงอีกครั้ง และในขณะนี้เรือลำเกิดเหตุจมลงในคลองท่าจีนแล้ว ส่วนนายแพทย์เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้เรือลดาวัลย์ 2 นั้นในเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวน 3 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล1คนเพราะได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟไหม้ตามร่างกายประมาณ 4%
#
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)